Page 76 - 23464_Full text
P. 76

75



                          ในเวลาต่อมาเมื่อมีการอภิปรายในสภากรณีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง
                   ที่เกิดข้อถกเถียงสูตรหาร 100 และสูตรหาร 500 พรรคก้าวไกลสนับสนุนสูตรหาร 100 เช่นเดียวกับ

                   พรรคเพื่อไทย แม้ว่าสูตรหาร 500 ที่เสนอโดยพรรคเล็กจะท าให้พรรคก้าวไกลได้เปรียบมากกว่า
                   พรรคการเมืองอื่นๆ เพราะเป็นระบบที่ค านวณคะแนนคล้ายกับระบบผสมของเยอรมนีที่น าคะแนน
                   บัญชีรายชื่อมาค านวณเป็นที่นั่งทั้งหมดของพรรค แต่พรรคก้าวไกลก็ปฏิเสธที่จะสนับสนุนสูตรหาร
                   500 ด้วยเหตุผลหลักสองประการ ประการแรก สูตรหาร 500 ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของการแก้ไข

                   รัฐธรรมนูญที่ผ่านสภาไปแล้ว ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการแก้ไขให้กลับไปใช้ระบบเลือกตั้งผสมแบบ
                   เสียงข้างมากที่ต้องค านวณคะแนนแยกจากกันระหว่างระบบเขตกับบัญชีรายชื่อ จึงต้องใช้สูตรหาร
                   100 เท่านั้น จะมาเปลี่ยนสูตรกลางคันไม่ได้ หากจะใช้สูตรหาร 500 สภาต้องแก้ไขระบบเลือกตั้ง
                   ให้เป็นแบบ MMP ตั้งแต่ต้น ประการที่สอง สูตรหาร 500 จะน าไปสู่ความสับสนและความวุ่นวายทาง

                   การเมือง เพราะไม่สามารถค านวณคะแนนและจัดสรรที่นั่งให้แต่ละพรรคการเมืองได้ ก้าวไกลอธิบาย
                   ว่าพรรคเห็นด้วยกับที่นักวิชาการหลายท่านได้ชี้ไว้ว่าหากจะใช้ระบบผสมแบบเยอรมนีจริง ต้องเริ่ม
                   ตั้งแต่การแบ่งสัดส่วนที่นั่งระบบเขตกับระบบบัญชีรายชื่อให้ใกล้เคียงกัน และต้องคิดถึงที่นั่งส่วนเกิน
                   (overhang seats) มิใช่แค่เปลี่ยนสูตรการหาร หากยังแบ่งที่นั่งเป็น 400:100 ที่นั่งตามร่างแก้ไข

                   รัฐธรรมนูญที่ผ่านสภาไปแล้วและใช้สูตรหาร 500 จะไม่สามารถจัดสรรที่นั่งได้บัญชีรายชื่อ
                   ให้แต่ละพรรคได้เพียงพอดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงลงมติสนับสนุนสูตรหาร 100 แต่มีข้อเสนอเพิ่มเติมให้
                   มีเกณฑ์ชั้นต่ าเพื่อป้องกันการมีพรรคเล็ก 1 ที่นั่งมากเกินไปในระบบพรรคการเมืองจนท าให้ระบบ
                                     79
                   พรรคการเมืองอ่อนแอ
                          สุดท้าย ดังที่อธิบายข้างต้นแล้วว่าระบบเลือกตั้งที่ถูกน ามาใช้ในการเลือกตั้งปี 2566 คือ

                   ระบบเลือกตั้งผสมแบบเสียงข้างมากตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งเป็นระบบเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกล
                   เสียเปรียบ นักวิชาการรวมถึงนักการเมืองที่สันทัดจัดเจนในการเลือกตั้งจึงประเมินว่าด้วยระบบ
                   เลือกตั้งแบบปี 2540 จะส่งผลให้ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่จะเป็นการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลมี

                   ขนาดเล็กลง จากพรรค 80 ที่นั่ง (อนาคตใหม่ในการเลือกตั้ง 2562) เหลือเพียง 30-40 ที่นั่ง ในขณะที่
                   พรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสชนะแบบ “แลนด์สไลด์” พรรคพลังประชารัฐก็จะได้เปรียบเนื่องจากมี
                   ทรัพยากรและมีกลุ่มส.ส. ที่มีบารมีกว้างขวางในเขตเลือกตั้งจ านวนมาก ในขณะที่พรรคเล็กจะหายไป
                                 80
                   จากการเมืองไทย
                          ประเด็นส าคัญที่นักวิเคราะห์และนักการเมืองส่วนใหญ่หลงลืมไป คือ แม้ระบบเลือกตั้ง

                   จะเป็นกลไกทางการเมืองที่ส าคัญในการสร้างความได้เปรียบและเสียเปรียบให้แต่ละพรรคในการ
                   เลือกตั้งได้ แต่ระบบเลือกตั้งเพียงล าพังไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดที่จะท าให้พรรคการเมืองแพ้หรือชนะการ
                   เลือกตั้ง เพราะผลการเลือกตั้งของแต่ละพรรคยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์แวดล้อมในช่วงฤดูกาลแข่งขัน
                   เลือกตั้ง รูปแบบการหาเสียง กระแสความรู้สึกของประชาชน และนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง




                   79  “ปดิพัทธ์ชี้สูตร 500 มั่วสุดในประวัติศาสตร์ ยันก้าวไกลโหวต 100,” the Reporters, 6 ก.ค. 2565,
                   https://www.thereporters.co/tw-politics/0607221837; “ก้าวไกลย้ าไม่รับสูตรหาร 500 อัด 2 ลุงกลับไปมา
                   เพื่อประโยชน์ตัวเอง,” คมชัดลึก, 10 ส.ค. 2565.
                   80  “คืนชีพสูตรหาร100 กม.เลือกตั้ง ส.ส. พรรคใหญ่ได้เปรียบจุดจบพรรคเล็ก,” เนชั่นทีวี, 16 ส.ค. 2565,
                   https://www.nationtv.tv/columnist/politc-insider/378883091; “สิริพรรณ – สุขุม ชี้หาร 100 เพื่อไทย –
                   พปชร. ได้เปรียบ จับตาพรรคเล็กย้ายฝุ่นตลบ,” Workpoint Today, 16 ส.ค. 2565.
   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81