Page 87 - 22385_Fulltext
P. 87

การศึกษาการบังคับใช้                                                                การศึกษาการบังคับใช้
                     พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย      พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย



                  เนื่องจากกฎหมายใช้คำว่า “บุคคลใดเห็นว่าตนได้รับหรือจะได้รับ                                    นอกจากนี้ การบัญญัติและการบังคับใช้กฎหมายเช่นนี้ ยังอาจ
                  ความเสียหายจากการกระทำในลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ...ให้มีสิทธิ                         สะท้อนให้เห็นว่ารัฐมิได้คำนึงถึงปัญหาความสัมพันธ์เชิงอำนาจ และ

                  ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ วลพ.” ซึ่งทั้งโดยถ้อยคำและโดยเจตนารมณ์                         ความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เลือกปฏิบัติกับผู้ถูกเลือกปฏิบัติอย่างเพียงพอด้วย
                  มุ่งหมายให้สิทธิในการร้องเรียนนี้เฉพาะกับ “ผู้ได้รับหรือจะได้รับ                       เนื่องจากการเลือกปฏิบัติจำนวนมากมักเกิดขึ้นโดยหน่วยงาน

                  ความเสียหาย” จากการถูกเลือกปฏิบัติโดยตรงเท่านั้น บุคคลอื่นใดหรือ                       องค์กร หรือผู้มีอำนาจฝ่ายหนึ่ง กระทำต่อบุคคล ลูกจ้าง หรือผู้ใต้บังคับ
                  แม้แต่หน่วยงานภาคประชาสังคมที่พบเห็นการกระทำในลักษณะของ                                บัญชาอีกฝ่ายหนึ่ง การที่กฎหมายเรียกร้องให้บุคคลผู้อยู่ใต้อำนาจหรือ
                  การเลือกปฏิบัติไม่มีสิทธิยื่นคำร้องดังกล่าวได้ตราบใดที่ไม่ได้รับมอบหมาย                อยู่ในสถานภาพเหล่านี้เท่านั้นต้องลุกขึ้นมาร้องเรียนและแสดงตนเป็น
                  จากตัวผู้เสียหายโดยตรงให้เป็นตัวแทน มิพักต้องกล่าวว่า แม้คณะกรรมการ วลพ.               คู่ขัดแย้งกับฝ่ายผู้ถูกร้องนี้ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์

                  เองจะได้พบเห็นการกระทำในลักษณะของการเลือกปฏิบัติอย่าง                                  ขึ้นได้ เพราะในความเป็นจริง นอกจากคำวินิจฉัยสั่งการของ
                  ชัดเจน ก็ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ เพื่อระงับการเลือกปฏิบัตินั้นได้เช่นกัน                คณะกรรมการ วลพ. อาจไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายผู้ถูกร้องจนผู้ร้อง

                  ตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้วก็คือ กรณีที่คณะกรรมการ วลพ. ไม่สามารถ                          ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือเยียวยาใด ๆ แล้ว ด้วยเงื่อนไขที่ “ผู้ได้รับหรือ
                  รับวินิจฉัยข้อร้องเรียนที่ยื่นเข้ามาโดยองค์กรภาคประชาสังคมแห่งหนึ่ง                    จะได้รับความเสียหาย” ต้องแสดงตัว ยังอาจส่งผลให้ผู้ร้องเรียนนั้นได้รับ
                  เกี่ยวกับการที่โรงเรียนในจังหวัดหนึ่งขึ้นป้ายประกาศอย่างชัดเจนว่า                      ความเสียหายยิ่งกว่าเดิมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการถูกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
                                                                                                                                                                  45
                  ไม่รับนักเรียนที่เบี่ยงเบนทางเพศ เหตุผลของคณะกรรมการ วลพ. ก็คือ                        มากขึ้นระหว่างรอคำวินิจฉัย ความไม่มั่นคงปลอดภัยในชีวิตร่างกาย
                  ผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำดังกล่าว ผู้ให้สัมภาษณ์                        การต้องทนทำงานในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรและกดดันยิ่งขึ้น
                  หลายคนรวมทั้งคณะกรรมการ วลพ. เองทั้งอดีตและปัจจุบันล้วนกล่าวถึง                        เนื่องจากเป็นผู้ร้องเรียนหน่วยงาน องค์กร นายจ้าง หรือผู้บังคับบัญชา
                  กรณีนี้ และเห็นว่า คือ อุปสรรคสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้กฎหมาย                           ของตนเอง ไปจนถึงถูกไล่ออกจากงานด้วยข้ออ้างเรื่องอื่นที่ซับซ้อนขึ้น

                  ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง โดยให้                     เป็นต้น อนึ่ง แม้ มาตรา 19 ตาม พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ จะกำหนดให้
                  เหตุผลว่า กฎหมายบัญญัติโดยไม่เข้าใจลักษณะและธรรมชาติของ
                  การเลือกปฏิบัติ เอาแต่มองว่าการเลือกปฏิบัติเป็นเพียง “ปัญหา                                  45   ผู้เสียหายที่ร้องเรียนพฤติกรรมการเลือกปฏิบัติของพนักงาน หรือลูกจ้าง

                  เฉพาะกลุ่ม เป็นเรื่องเฉพาะตัว” ทั้งที่การเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นในสังคม                ของสถานประกอบการซึ่งค่อนข้างมีอิทธิพลในพื้นที่หนึ่งให้ความเห็นว่า รู้สึกไม่ปลอดภัย
                  หลายต่อหลายกรณีส่งผลกระทบต่อสิทธิของประชาชนอย่างเป็น                                   เลยภายหลังยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการ วลพ. แล้ว แม้ตนจะพอเป็นที่รู้จักต่อ
                                                                                                         สาธารณะอยู่บ้าง และตนรู้จักองค์กรเอกชนที่คอยให้ความช่วยเหลือเรื่องนี้อยู่ก็ตาม
                  การทั่วไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าต้องกระทำต่อใครคนใดคนหนึ่ง                               จึงไม่ต้องคิดเลยว่าบุคคลทั่ว ๆ ไปที่อาจถูกเลือกปฏิบัติเช่นเดียวกันจะยอมเสียต้นทุน

                                                                                                         ทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย หรือมีความกล้าพอที่จะยื่นคำร้องเรียนตามกลไกลนี้หรือไม่
                                                                                                         คนจำนวนมากน่าจะเห็นว่าการร้องเรียนไม่คุ้มค่าเลยกับสิ่งที่ตนอาจต้องสูญเสียไป



             72    สถาบันพระปกเกล้า                                                                                                                  สถาบันพระปกเกล้า
   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92