Page 196 - 22385_Fulltext
P. 196
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
2) กลุ่มนักวิชาการ มีทั้งนักวิชาการด้านกฎหมายครอบครัว ข้อมูลประกอบข้อเท็จจริงในหัวข้อต่าง ๆ ในรายงานด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ด้านกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน ด้านกฎหมายสิทธิสตรี และ รายงานบทที่ 3 “การวิเคราะห์ความจำเป็นและผลกระทบของกฎหมาย”
ด้านสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
2. สรุปความคิดเห็นที่ได้จากการสัมภาษณ์
3) กลุ่มผู้ทำงานภาคประชาสังคม นักกิจกรรม หรือนักเคลื่อนไหว
ด้านสิทธิและความเท่าเทียม 2.1 มุมมองต่อผลของการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ
ในภาพรวม
4) กลุ่มผู้ได้รับความเสียหาย และเคยร้องเรียนมาตามกลไกของ
กฎหมายฉบับนี้ และอื่น ๆ ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่เห็นว่านับตั้งแต่กฎหมายฉบับนี้
มีผลใช้บังคับ ได้ก่อให้เกิดผลในแง่ของการสร้างความตระหนักรู้ในประเด็น
ทั้งนี้ ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการฯ นักวิชาการ ความเสมอภาคระหว่างเพศ และการห้ามเลือกปฏิบัติให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิและทำงานในภาคประชาสังคมต่างเป็นผู้มีความรู้ ได้มากขึ้น แม้ยังไม่เกิดขึ้นในวงกว้าง หรือในหมู่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ตาม
ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการทำงานด้านสิทธิและความเท่าทียม แต่ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในระดับหนึ่ง ทำให้หลายภาคส่วน
ทั้งทำกิจกรรม หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่อต้านการเลือกปฏิบัติมาอย่าง มีความระมัดระวังไม่ให้การกระทำของตนเข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติมากขึ้น
ต่อเนื่องยาวนานนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นสิทธิสตรี กว่าเมื่อครั้งยังไม่มีกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเอกชน บริษัท
แรงงานผู้หญิง และสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ในจำนวนนี้ ห้างร้านซึ่งมีความกลัวและไม่อยากทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ นักเคลื่อนไหวและ
หลายคนมีบทบาทและมีส่วนในการผลักดันให้ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ มีผล คนทำงานในภาคประชาสังคมทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันว่า การมีอยู่ของ
ใช้บังคับเป็นกฎหมายด้วย กฎหมายฉบับนี้ทำให้การทำงานง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากแต่เดิมหรือ
สำหรับวิธีในการสัมภาษณ์นั้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ก่อนการบังคับใช้ เมื่อเกิดกรณีการเลือกปฏิบัติ หรือกรณีที่ต้องสร้างความเข้าใจ
ของไวรัสโควิด-19 การสัมภาษณ์ส่วนใหญ่จึงทำผ่านโทรศัพท์ หรือระบบ กับประชาชน รวมทั้งการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างหน่วยงานหรือ
การประชุมออนไลน์ โดยผู้ศึกษาติดต่อขอความยินยอมก่อนและจัดส่ง องค์กรที่เลือกปฏิบัติกับผู้ถูกเลือกปฏิบัติ เครื่องมือที่สามารถหยิบยกขึ้น
ข้อเสนอโครงการศึกษานี้พร้อมแนวคำถามแก่ผู้ให้สัมภาษณ์ล่วงหน้า และ อ้างอิงได้มีแต่เพียงหลักสิทธิมนุษยชน หรือหลักความเสมอภาคเท่านั้น ซึ่งคน
ขออนุญาตจากผู้ให้สัมภาษณ์ทุกครั้งก่อนทำการบันทึกเสียงเพื่อนำมา จำนวนมากยังเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว ทั้งจับต้องไม่ได้ แต่เมื่อมีกฎหมายแล้ว
ถอดความในภายหลัง อนึ่ง คำถอดความบทสัมภาษณ์โดยละเอียดจะไม่ถูก ผู้ทำงานสามารถหยิบยกกฎหมายขึ้นกล่าวอ้างได้ทันที ฝ่ายผู้เลือกปฏิบัติเอง
เผยแพร่ในรายงานศึกษานี้ แต่ผู้ศึกษาได้ทำการประมวลผลออกมาในรูปของ ก็เกิดความชัดเจนและรู้ได้ว่าการกระทำของตนเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วย
บทสรุปปัญหาและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ทั้งยังได้นำบทสรุปดังกล่าวมาใช้เป็น กฎหมาย จึงทำให้การทำงานด้านนี้มีความง่าย คล่องตัว และรวดเร็วขึ้น
180 สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า 181