Page 152 - 22385_Fulltext
P. 152
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
79
ทางกฎหมาย กรณีนี้ “รัฐ” ย่อมสามารถเป็นผู้เสียหายได้ ดังนั้น เพื่อลด คณะกรรมการ สทพ. ก็น่าจะครอบคลุมหรือสามารถแก้ไขปัญหาลักษณะ
ปัญหาผู้ถูกเลือกปฏิบัติไม่มาร้องเรียนเพราะกลัวได้รับผลกระทบทางลบ หรือ ดังกล่าวมานี้ได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ควรต้องไม่ลืมว่าด้วยบทบาทและ
หาผู้เสียหายโดยตรงมาร้องมิได้ จึงอาจพิจารณาบัญญัติกฎหมายเปิดช่องทาง ผลงานที่ผ่านมาของคณะกรรมการ สทพ. สุดท้ายแล้ว การฝากความหวัง
ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขบางประการ (เพื่อลดจำนวนคำร้องเรียนที่ไม่จำเป็น หรือ ในการพิจารณาแก้ไขปัญหานี้ไว้กับคณะกรรมการระดับชาตินี้ อาจดูมืดมน
กลั่นแกล้งกันเองลง) ให้บุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถยื่นคำร้อง มากกว่าการควานหา “ผู้เสียหาย” สักคนให้มายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ
มายังคณะกรรมการ วลพ. ได้ รวมทั้งอาจพิจารณาให้อำนาจหน่วยงานรัฐ วลพ. ก็เป็นได้
ที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการเพื่อระงับการกระทำดังกล่าวได้โดยไม่จำเป็น 5.3.2 อำนาจในการรับคำร้องไว้พิจารณาของคณะกรรมการ วลพ.
ต้องรอให้มีใครมาร้องเรียนก่อน
ด้วยเหตุที่มาตรา 18 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ. ความเท่าเทียมฯ ประกอบข้อ 5
อนึ่ง ผู้ศึกษาเห็นว่า ยังสามารถอภิปรายถกเถียงกันได้ว่า และข้อ 18 (2) ระเบียบการยื่นคำร้องฯ ต่อคณะกรรมการ วลพ. กำหนดให้
“หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง” ที่ควรมีอำนาจหยิบยกสถานการณ์ที่มี เฉพาะบุคคลที่เห็นว่าตนได้รับหรือจะได้รับความเสียหายจากการการเลือก
ความจำเพาะนี้ขึ้นพิจารณาเพื่อแก้ไข ในที่นี้ควรเป็นหน่วยงานใดกันแน่ ปฏิบัติซึ่ง “ไม่ได้ใช้สิทธิฟ้องร้องเป็นคดีอยู่ในศาล หรือที่ศาลพิพากษาหรือ
ระหว่างคณะกรรมการ วลพ. กับ คณะกรรมการ สทพ. เพราะอาจมีผู้เห็นว่า มีคำสั่งเด็ดขาดแล้ว” มีสิทธิยื่นคำร้องได้เท่านั้น และที่ผ่านมาถูกตีความว่า
โดยกลไกทั้งหมดที่ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ สร้างขึ้น อำนาจหน้าที่ของ กรณีที่ผู้ร้องนำคดีไปฟ้องต่อศาลอื่นไม่ว่าก่อนหรือหลังยื่นคำร้องต่อ
คณะกรรมการ วลพ. ห้ามมิให้คณะกรรมการ วลพ. รับเรื่องนั้นไว้พิจารณา
79 กรณีดังกล่าวพิจารณาเทียบเคียงกับ “ความผิดอาญาแผ่นดิน” ซึ่งหมายถึง (หรือหากรับไว้พิจารณาแล้วก็ต้องยุติการพิจารณา) ซึ่งผู้ให้สัมภาษณ์ในงาน
ความผิดที่หากมีการกระทำแล้ว นอกจากจะมีผลกระทบต่อผู้ที่ถูกกระทำโดยตรง ยังมี ศึกษานี้ส่วนหนึ่งเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ เพราะเท่ากับตัดสิทธิ
ผลกระทบต่อสังคมโดยรวมด้วย ดังนั้น รัฐจึงต้องเข้ามาดำเนินการเอาตัวผู้กระทำความผิด ผู้ร้องในบางกรณีที่อาจถูกกระทำละเมิดในหลายลักษณะ ไม่เพียงแต่ถูก
มาลงโทษ แม้ผู้กระทำนั้นจะไม่ติดใจเอาความหรือดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดก็ตาม เลือกปฏิบัติที่ต้องอาศัยการชี้ขาดของคณะกรรมการ วลพ. เท่านั้น (ดูตัวอย่าง
รัฐมีหน้าที่ก็ต้องสอบสวนฟ้องร้องและพิจารณาคดีไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมาย
ในการปกป้องสังคมโดยรวม อาญาแผ่นดินยังเป็นความผิดประเภทที่รัฐสามารถริเริ่ม กรณีศึกษา ปัญหา และข้อคิดเห็นต่อบทบัญญัติเรื่องนี้ได้ในรายงานฉบับนี้
ดำเนินคดีเองได้เมื่อพบเห็นการกระทำความผิด โดยไม่ต้องรอให้มีบุคคลใดหรือผู้เสียหาย บทที่ 3 หัวข้อ 8 “ปัญหาและอุปสรรคในการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้”
คนใดมาแจ้งความกล่าวโทษก่อนด้วย นอกจากนี้ ในระบบกฎหมายอาญา ยังมีอาญาแผ่นดิน ข้อย่อยที่ 8.2.2)
บางประเภทที่ถือว่า “รัฐเท่านั้น” เป็นผู้เสียหาย เนื่องจากไม่มีใครเป็นผู้เสียหายโดยเฉพาะ
เจาะจงนอกจากรัฐ หรือต่อให้มีเอกชนคนใดได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าว ต่อประเด็นนี้ ผู้ศึกษาเห็นว่า โดยหลักการทางกฎหมายแล้ว
ก็ไม่สามารถเป็นโจทก์ฟ้องคดีเองได้ เช่น ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก เป็นต้น การกำหนดบทบัญญัติปกป้องไว้ไม่ให้บุคคลใดต้องถูกยื่นร้องฟ้องคดีให้ต้อง
ดู เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์, คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1 เล่ม 1, พิมพ์ครั้งที่ 11, รับผิดหรือต้องเดือดร้อนซ้ำ ๆ จากการกระทำครั้งเดียวกันหรือในเหตุการณ์
กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ พลสยาม พริ้นติ้ง ประเทศไทย, 2562, 12-14.
สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า