Page 40 - 22376_fulltext
P. 40
เสริมสร้างพลังพลเมือง
จังหวัดร้อยเอ็ด
โรมันขยายไปถึงด้วย นั่นคือการเพิ่มจำนวนของผู้ที่เป็นพลเมืองของ
อาณาจักร กฎหมายของโรมันจะบังคับใช้กับผู้คนเหล่านั้นและได้รวมเอา
ผู้คนชั้นต่ำ (plebeians) เข้าไว้ในความหมายนั้นด้วย กระนั้น ในช่วงเวลา
ดังกล่าวการมีส่วนในการปกครอง ยังคงยึดโยงอยู่กับกลุ่มชนชั้นกลาง
เท่านั้น พวกช่างฝีมือ (artisan) คงเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้ถูกนับเข้ามีส่วน
ในการปกครองด้วยเหตุผลว่า ผู้คนเหล่านั้นไม่มีเวลาในการเข้าร่วมทาง
การเมือง ยุคดังกล่าวพลเมืองจึงมีความหมายของกฎหมาย การบังคับใช้
กฎหมาย การมีสถานภาพทางกฎหมายและความเป็นพลเมืองจึงมี
ความหมายเปลี่ยนไปสัมพันธ์กับกฎหมายมากขึ้น
ในยุคกลาง แนวคิดความเป็นพลเมืองถูกเบียดบังจากแนวคิด
ความจงรักภักดีต่อมูลนายในระบบฟิวดัล (feudalism) เหลือเพียง
บางกรณีในประเทศเยอรมันซึ่งมีคนชนชั้นกลาง (bourgeoisie) ที่เป็น
พ่อค้าและมีฐานะ อ้างความเป็นพลเมืองของเมืองเพื่อป้องกันการถูกละเมิด
จากเมืองอื่น ในยุคฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม (Renaissance) แนวคิดเรื่อง
ความเป็นพลเมืองได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง การกลับมาฟื้นฟูของ
ประชาธิปไตย ในยุคนี้ผลจากความคิดเรื่องสิทธิ เสรีภาพของนักคิด
นักปรัชญาการเมืองแห่งยุคสมัย Jean-Jacques Rousseau (ค.ศ. 1712-
1778) ผนวกแนวคิดสาธารณรัฐนิยมคลาสสิค เข้ากับแนวคิดสัญญานิยม
สมัยใหม่ (พฤทธิสาณ ชุมพล. 2551, น. 25) โดยเสนอว่าพลเมืองคือ
ปัจเจกผู้มีเสรีภาพและความเป็นตัวของตัวเอง ผู้ซึ่งมีสิทธิที่จะมีส่วนร่วม
ในการตัดสินใจในกฎเกณฑ์ที่บังคับให้ทุกคนทำตาม เป็นการเชื่อมโยง
ปัจเจกชนเข้ากับชุมชนทางการเมืองของสาธารณะรัฐ ที่ซึ่งพลเมือง
ปกครองตนเอง วิวัฒนาการทางความคิดของความเสมอภาคเท่าเทียมได้
เป็นฐานคิดของการปฏิวัติฝรั่งเศส (French revolution) ใน ค.ศ. 1789
สถาบันพระปกเกล้า
สถาบันพระปกเกล้า