Page 43 - 22376_fulltext
P. 43
เสริมสร้างพลังพลเมือง
จังหวัดร้อยเอ็ด
และที่สำคัญหากไม่มีการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแข็งขันแล้วความเป็น
พลเมืองจะไร้ความหมาย เช่น เดียวกับ บาร์เบอร์ ที่อ้างไว้ใน วิชัย ตันศิริ
(2547) ที่กล่าวว่า พลเมืองต้องมีบทบาททางการเมืองมากกว่าการเลือกตั้ง
การลงคะแนนเสิยงเพียงอย่างเดียวทำให้ประชาชนเป็นฝ่ายรับ และ
ไม่มีบทบาทในการกำหนดชีวิตตนเอง เช่นเดียวกับ วันชัย ตันศิริ (2547,
น. 32) กล่าวไว้ว่า พลเมืองต้องไม่เฉื่อยชา ต้องรุกและต้องการเข้ามี
ส่วนร่วม และสามารถทำการต่างๆ แทนรัฐได้ และต้องตระหนักว่า
ตนมีสิทธิมีเสียงที่จะมีส่วนร่วมในบ้านเมือง
แนวคิดพลเมืองที่เข้ามีส่วนร่วมทางการเมือง เข้ามามีบทบาท
ทางการเมืองให้มากกว่าแค่การเลือกตั้ง สามารถกำหนดชีวิตตนเองนั้น
พลเมืองต้องได้รับการส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นพลเมืองมีลักษณะ
ที่ตอบสนองต่อระบอบการปกครอง โดยบุญทัน ดอกไธสง (2552) ได้เสนอ
ให้พัฒนาพลเมืองให้มีส่วนร่วม ให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับผลกระทบ
ที่จะเกิดต่อชีวิต และมีให้อํานาจในการตรวจสอบผู้กําหนดนโยบาย
เป็นลักษณะการมีส่วนร่วมในเชิงสถาบันที่ยึดหลักธรรมาภิบาล (Good
Governance) และการมีส่วนร่วมเชิงวัฒนธรรมชุมชน (Cultural
Community) ที่นําเอากระบวนการเรียนรู้วิถีประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นจริง
ในระดับชุมชน เป็นแนวทางในการส่งเสริม ซึ่งสอดคล้องกับ เอนก
เหล่าธรรมทัศน์ (2556) ที่กล่าวว่า วัฒนธรรมชุมชนจะช่วยให้เห็นมิติ
ของการร่วมกันคิด ร่วมกันทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ทำให้เกิดการเมือง
เพื่อให้คนในชุมชนพึ่งพาตนเองได้ ไม่หวังพึ่งคนอื่นโดยเฉพาะไม่หวัง
พึ่งนักการเมืองและผู้มีอิทธิพล วิพากษ์วิจารณ์การทํางานของระบบ
ราชการได้ ปลุกเร้าให้คนเกิดการตื่นตัว เกิดสํานึกรักในความเป็นชุมชน
สถาบันพระปกเกล้า
สถาบันพระปกเกล้า