Page 135 - kpi22228
P. 135

127



               โดยเนนให ส.ส. ในทุกพื้นที่ ใหลงไปแกไขปญหาใหกับประชาชน และสะทอนปญหาของประชาชนมาที่พรรค

               เพื่อยืนยันวาพรรคใหความสําคัญกับพื้นที่
                       ผูสมัครทานนี้เห็นขีดจํากัดของการสื่อสาร โดยชี้วาในปจจุบันนี้พฤติกรรมของผูบริโภค

               มีการเปลี่ยนแปลงไป จากการประชาสัมพันธหรือการสรางภาพลักษณผานทางชองโทรทัศนในชองหลัก ๆ

               ไมกี่ชอง กลายเปนการมีโทรทัศนหลายรอยชอง ผูบริโภคก็เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โดยเลือกที่จะบริโภคตาม
               ความตองการของตนเอง ในการประชาสัมพันธก็จะยากมากขึ้น กอนหนาที่การประชาสัมพันธไมยากมาก เชน

               เราไปทีวี 5 ชองหลัก หนังสือพิมพ 5 ชองหลัก เทานั้นก็พอ และชองอื่น ๆ หรือหนังสือพิมพอื่น ๆ ก็ไมไดเปน

               ชองทางหลักในการประชาสัมพันธ แตตอนนี้การเขาถึงผูมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนมีการเปลี่ยนแปลงไป
               ไมมีสื่อกระแสหลักอีกแลว

                       แตกอนตัวชี้วัดความนิยมของพรรคสามารถดูไดงายตามสื่อหลัก แตตอนนี้เราไมอาจจะตัดสินไดวา

               การไดสื่อในพื้นที่กระแสหลักคือความสําเร็จ เพราะพฤติกรรมในการประชาสัมพันธและการเสพสื่อ
               เปลี่ยนแปลงไป ผูสมัครทานนี้กลาวตอไปวา ทุกวันนี้ ทุกคนมีชองทางในสื่อออนไลน เชน ทวิตเตอร เฟซบุก

               ซึ่งถาเราไมมีพื้นที่ในสื่อนั้นก็ถือวาไมบรรลุวัตถุประสงค สิ่งนี้เรียกวาเปนการ disrupt การสื่อสารทางการเมือง

               ของทุกพรรค ทุกคนตองเปลี่ยนแปลงตัวเองในการทําการประชาสัมพันธในทุก ๆ platform รวมทั้ง
               สื่อออนไลนและออฟไลนดวย

                       ผลจากความเปลี่ยนแปลงดังกลาว ทําใหทุกพรรคการเมืองตองทําการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

               ในการสื่อสารทางการเมือง เขาเชื่อวาเมื่อกอนพรรคเพื่อไทยสูกับพรรคการเมืองคูแขงไมได แตตอนนี้
               พรรคการเมืองเกิดใหมมีแนวทางที่ดีขึ้น มีเครือขาย มีผูสนับสนุน ในการนําขอความไปกระจาย ทําใหพรรค

               ตองปรับตัวมีนักรบไซเบอร

                       สมาชิกพรรคทานนี้ยังกลาวตอไปวา การทําการสื่อประชาสัมพันธ ไมใชตัวชี้ขาดวาจะไดคะแนนเสียง
               เลือกตั้ง หรือไดเกาอี้ในพื้นที่ได การประชาสัมพันธเปนเพียงเครื่องมือเสริม แตผูลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง

               ตองทํางานในพื้นที่เปนหลัก

                       ในแงภาพลักษณในเชิงการตลาด ผูสมัครทานนี้มองวาพรรคเพื่อไทยในป 2562 ไมเหมือนกับ
               พรรคเพื่อไทยในป 2553/54 โดยเห็นวามีการสื่อสารภายในพรรคชา อาจจะเปนเพราะเกรงกลัววาจะถูก

               ลอกเลียนนโยบาย หรือขาดแรงจูงใจเพราะอยูมานานไมเหมือนพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม หรืออาจจะรูสึกวา

               มีความเปนแบรนดของพรรคเพื่อไทยซึ่งเปนพรรคเกาแกในระดับหนึ่ง มีคนรูจักเยอะแลว จึงไมตองสื่อสารมาก
               ผลก็คือไมสนใจที่จะสราง branding คงมีเพียงการวางจุดยืน (positioning) ตางไปจากพรรคใหม ๆ ที่เพิ่ง

               เขาวงการเมืองซึ่งจะตองทํา branding ที่ใหมกวาและเขาถึงประชาชนไดมากกวา

                       กลาวโดยยอ พรรคเพื่อไทยมียุทธศาสตรที่ไมเปลี่ยนแปลง เพราะเปนคนที่อยูในจุดที่พรรคมีผลงาน
               มาแลว เหมือนเปนดาราเกา ไมตองแนะนําตัวใหใคร ในการวางตัวเองจึงตางจากวันที่พรรคเพิ่งตั้งใหม
   130   131   132   133   134   135   136   137   138   139   140