Page 335 - kpi21190
P. 335

335



                  การเมือง โดยมิติทางเศรษฐกิจนั้นแน่นอนว่าหมายถึงความแตกต่างระหว่างกลุ่มคนที่ยากจน

                  และกลุ่มคนที่ร่ำรวย ขณะที่มิติทางสังคมนั้นได้มีการอภิปรายในกลุ่มย่อยที่ 5 เพียงความแตกต่าง
                  ของโอกาสในการเข้าถึงบริการสาธารณะ คนบางกลุ่มเข้าถึงบริการสาธารณะและคนอีกกลุ่ม
                  ไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการสาธารณะในด้านการศึกษาและ
                  การสาธารณสุข ซึ่งเป็นบริการขั้นพื้นฐานมากที่สุด และมิติสุดท้ายคือ มิติทางการเมือง

                  การอภิปรายในกลุ่มย่อยที่ 5 ได้มุ่งไปที่การเข้าถึงกระบวนการตัดสินใจทางการเมืองของ
                  ประชาชนในระดับท้องถิ่น มีเพียงคนบางกลุ่มเข้าถึงกระบวนการตัดสินใจทางการเมือง
                  แต่คนอีกกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการดังกล่าวนี้ได้เลย

                       คำถามต่อมา อะไรคือสาเหตุสำคัญของความเหลื่อมล้ำ? ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ

                  เงื่อนไขของความไม่เป็นธรรมเป็นสิ่งสำคัญหรือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำสูง
                  ยกตัวอย่างเช่น ความไม่เป็นธรรมยิ่งทำให้คนจนยิ่งจนหนักมากขึ้น ในขณะที่คนรวยก็อาจจะ
                  ทำให้ยิ่งรวยมากขึ้น เช่นเดียวกันในมิติทางสังคม คนบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงบริการ
                  สาธารณะได้ ความไม่เป็นธรรมก็ยิ่งทำให้คนกลุ่มนี้ไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณะอยู่เรื่อยไป

                  ขณะที่คนที่มีโอกาสก็ยังคงเข้าถึงบริการสาธารณะที่มากขึ้นเรื่อยไป

                       สุดท้ายการกระจายอำนาจที่กล่าวมาทั้งหมดจะมีส่วนช่วยลดความเหลื่อมล้ำอย่างไร?
                  ซึ่งทุกท่านที่เข้าร่วมอภิปรายในกลุ่มย่อยที่ 5 เห็นตรงกันว่า การกระจายอำนาจไม่ใช่เพียง
                  การมองแค่การกระจายอำนาจระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ใช่เพียงการมองแค่

                  องค์กรหรือโครงสร้างที่เป็นทางการเท่านั้น แต่จะต้องมองว่า การกระจายอำนาจที่แท้จริงคือ
                  การทำให้อำนาจนั้นไปอยู่ในมือของประชาชนหรืออยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด ซึ่งได้มีการ
                  ยกกรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2 แห่ง คือ เทศบาลนครขอนแก่น และเทศบาล

                  นครยะลา ดังนี้

                       กรณีศึกษาเทศบาลนครขอนแก่น ได้มีการอธิบายโครงการหนึ่งที่น่าสนใจมากนั่นคือ
                  โครงการเทศบาลเล็กในเทศบาลใหญ่ โดยท่านนายกเทศมนตรีได้พยายามแตกพื้นที่ในเขต
                  เทศบาลที่มีลักษณะเป็นชุมชนออกเป็นชุมชนย่อย ๆ ในแต่ละชุมชนที่แตกออกมาก็เป็นเสมือน

                  เทศบาลขนาดเล็ก ๆ ทำให้ในพื้นที่เทศบาลนครขอนแก่นประกอบไปด้วยเทศบาลย่อย ๆ เต็ม
                  ไปหมด ซึ่งก็คือชุมชนในเขตเทศบาล ประธานชุมชนแต่ละชุมชนก็เป็นเสมือนนายกในเทศบาล
                  ย่อย ๆ นั้น ประธานชุมชนก็จะมีอำนาจในการตัดสินใจ ประชาชนในแต่ละชุมชนก็จะคิด
                  โครงการเองดำเนินการเองและตรวจสอบกันเอง ประชาชนที่อยู่ในชุมชนย่อยยังมีหน้าที่คอย
                  ตรวจสอบการทำงานของประธานชุมนให้ดำเนินการในสิ่งที่ประชาชนต้องการ ซึ่งกระบวนการ

                  ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดการกระจายอำนาจลงไปในชุมชนและเกิดกระบวนการตรวจสอบดูแลซึ่งกัน
                  และกัน ทำให้ความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ลดลง ขณะที่อีกโครงการหนึ่งของเทศบาลนครขอนแก่น         สรุปสาระสำคัญผลการนำเสนอการประชุมกลุ่มย่อย
                  นั่นคือ โครงการรถไฟฟ้ารางเบา ที่มีหลักการในเรื่องการกระจายอำนาจให้ทุกภาคส่วนในพื้นที่

                  มีส่วนร่วม ภาคเอกชนเกิดการรวมตัวกันจัดตั้งเป็นบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง สิ่งสำคัญที่
                  สะท้อนให้เห็นจากกรณีศึกษาเทศบาลนครขอนแก่นนั่นคือการกระจายอำนาจที่กระจายไปอยู่ใน
   330   331   332   333   334   335   336   337   338   339   340