Page 19 - kpi19912
P. 19
พมําเรียกวําพื้นที่สีด า การสร๎างทํอก๏าซเข๎าไปในพื้นที่ดังกลําว กลายเป็นแผนยุทธศาสตร๑ในการกวาด
ล๎างกองก าลังชนกลุํมน๎อย กองก าลังทหารที่เข๎าไปดูแลทํอก๏าซ บีบคับชาวบ๎านให๎มีการย๎ายถิ่นฐาน
เพื่อการวางทํอก๏าซ และได๎ท าการเกณฑ๑แรงงานมาเพื่อสร๎างทางรถไฟขนสํงอุปกรณ๑กํอสร๎าง สร๎าง
คํายทหารและคํายพักส าหรับเจ๎าหน๎าที่เกี่ยวข๎องกับการสร๎างทํอก๏าซ และยังมีข๎อมูลแสดงถึงการ
กระท าทารุณกรรมตําง ๆ ตํอชาวบ๎านตามแนวทํอนั้น ท าให๎มีการฟูองร๎องบริษัทยูโนแคล หนึ่งในผู๎
รํวมทุน เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2549 ยังศาลแขวงเมืองลอสแองเจลลิส ในสหรัฐอเมริกา ในขณะนั้น
ได๎มีการออกกฎหมายใหมํให๎มีการบอยคอตบริษัทธุรกิจอเมริกันที่ไปลงทุนในประเทศสหภาพพมํา ซึ่ง
คดีถึงที่สิ้นสุดด๎วยการที่ศาล ประเด็นด๎านสิ่งแวดล๎อมที่เป็นปัญหาใหญํอีกเรื่องหนึ่งในการสร๎างทํอ
ก๏าซโดยเฉพาะในสํวนของทํอที่วางในประเทศไทยมีสํวนที่ต๎องผํานเข๎าไปในเขตอุทยานแหํงชาติไทรโย
คเป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร โดยผํานพื้นที่ปุาเสื่อมโทรม 44 กิโลเมตรและพื้นที่ปุาสงวน
ห๎วยเขยํง ที่กรมปุาไม๎ก าหนดให๎เป็นพื้นที่ปุาลุํมน้ าชั้น 1 เอ ที่ก าลังจะยกฐานะเป็นอุทยานแหํงชาติ
ทองผาภูมิอีก 6 กิโลเมตร มูลคําการลงทุนของการวางทํอก๏าซในฝั่งไทยมีมูลคําราว 16,500 ล๎านบาท
ประเด็นปัญหาเรื่องสิ่งแวดล๎อมนี้ท าให๎เกิดความเคลื่อนไหวในการคัดค๎านจากกลุํมอนุรักษ๑สิ่งแวดล๎อม
ในประเทศไทย โดยมี “กลุํมอนุรักษ๑กาญจน๑” ที่เป็นกลุํมชาวบ๎านในจังหวัดกาญจนบุรีเป็นหัวขบวน
รํวมกับพันธมิตรตําง ๆ เชํน กลุํมนักศึกษา และองค๑กรพัฒนาเอกชนด๎านสิ่งแวดล๎อมและสิทธิมนุยชน
ที่ใช๎มาตรการปิดปุาโดยเข๎ามาพักแรมในปุาขวางทางแนววางทํอก๏าซตั้งแตํวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.
2540 คนส าคัญคนหนึ่งที่ตํอมาได๎เข๎ามารํวมปิดปุาได๎แกํ ส.ศิวรักษ๑ นักเคลื่อนไหวคนส าคัญ การ
เคลื่อนไหวของกลุํมตําง ๆ นี้ มีการให๎ข๎อมูลกับสังคมถึงอีกความจริงอีกด๎านหนึ่งของโครงการ เชํน
โครงการทํอก๏าซผํานการอนุมัติแบบลัดขั้นตอน ผิดพระราชบัญญัติสํงเสริมและรักษาคุณภาพ
สิ่งแวดล๎อม พ.ศ. 2535 มีการอนุมัติโครงการไปกํอนแล๎วศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล๎อมตามหลัง,
การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล๎อมที่ใช๎เวลาน๎อยเกินไป จะเกิดผลกระทบตํอสัตว๑หายากเชํน ค๎างคาว
กิตติ ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกและมีที่เดียวอยูํในแนวทํอก๏าซ ปูราชินีที่พบแหํงเดียวในโลกและมี
ถิ่นอาศัยในบริเวณแนวทํอก๏าซ เป็นต๎น เมื่อต๎องเผชิญหน๎ากับแรงต๎านที่มีมากขึ้นท าให๎รัฐบาลของนาย
ชวน หลีกภัย ได๎สั่งระงับการวางทํอเป็นเวลา 10 วัน และให๎ฝุายที่คัดค๎านถอยออกจากแนววางทํอ
กํอนจะท าการแตํงตั้งคณะกรรมการแหํงชาติเพื่อแก๎ปัญหาความขัดแย๎งทํอก๏าซ มารับฟังข๎อมูลจากทั้ง
2 ฝุาย และสรุปเรื่องทั้งหมดน าเสนอตํอรัฐบาลเพื่อท าการตัดสินใจวําจะด าเนินโครงการนี้ตํอไป
อยํางไร
วันที่ 12 กุมภาพันธ๑ พ.ศ.2541 คณะกรรมการชุดนี้มีนายอานันท๑ ปันยารชุน เป็นประธาน
และยังประกอบไปด๎วยผู๎ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในสังคมอีกหลายคน โดยใช๎เวลารับฟังตั้งแตํวันที่
14-18 กุมภาพันธ๑ หลังจากใช๎เวลา 5 วันในการรับฟัง คณะกรรมการฯ สรุปวํา โครงการมีความไมํ
โปรํงใส ประชาชนมีสิทธิในการรับรู๎ข๎อมูล และมีสิทธิในการคัดค๎านอยํางสงบสันติ ผู๎รับผิดชอบ
โครงการไมํได๎ให๎ความส าคัญกับปัญหาตําง เหตุผลส าคัญของ ปตท. ในการไมํยอมเปลี่ยนแนวทํอจาก
ในปุาออกไปวางตามแนวถนน คือข๎ออ๎างเรื่องการลงทุนที่ต๎องลงทุนเพิ่มอีกราว 2,800 ล๎านบาท และ
เหตุผลส าคัญที่ไมํสามารถยกเลิกโครงการได๎ มาจากข๎ออ๎างในเรื่องความต๎องการพลังงานของประเทศ
ที่มีการพยากรณ๑ไว๎ลํวงหน๎าถึงความต๎องการใช๎ไฟฟูา วันที่ 4 พ.ค. 2554 ปตท. ก าหนดจัดเวทีรับ
ฟังความคิดเห็นเพื่อก าหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล๎อมและสุขภาพของ
โครงการวางทํอสํงก๏าซธรรมชาติบนบก จากชายแดนไทย-สหภาพพมํา มายังสถานีควบคุมความดัน
ก๏าซฯ ฝั่งตะวันตกที่ เพื่อเปิดโอกาสให๎กลุํมผู๎มีสํวนได๎เสียของโครงการในทุกภาคสํวน ตลอดจน
ประชาชนทั่วไป มีสํวนรํวมแสดงความคิดเห็นตํอการก าหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผล
12