Page 118 - kpi19903
P. 118
91
สัดส่วนจะเห็นว่ามีความเป็นเส้นตรง (linearity) และเป็น monotonic เมื่อระดับการศึกษาและระดับรายได้
สูงขึ้น พบว่ามีสัดส่วนที่ตั้งใจไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งลดลงเป็นล าดับขั้น และค่าสหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
อันตรภาคกับตัวแปรอันตรภาคใช้ค่าสหสัมพันธ์อย่างง่าย (G. V. Glass & Hopkins, 1996)
โดยพบว่า ระดับรายได้ของครัวเรือนกับระดับการศึกษามีความสัมพันธ์ทางบวก (r=.44) ดังที่คาดไว้
แต่ค่าสหสัมพันธ์ระหว่างสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของครอบครัวกับระดับรายได้ของครัวเรือนแทบไม่มี
ความสัมพันธ์กัน (r=.04) ค่าสหสัมพันธ์ระหว่างระดับรายได้ของครัวเรือน สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของ
ครอบครัว และระดับการศึกษากับความตั้งใจที่จะไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมีค่าติดลบเล็กน้อย (r=-.03 ถึง -
.06) ในขณะที่ความคาดหวังว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ตนเลือกจะชนะ, การมีนักการเมืองที่เป็นตัวแทนความคิด,
การมีพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนความคิด, ความสนใจในการเลือกตั้งที่ก าลังจะมาถึง, และการไปลงคะแนน
ในการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้า มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความตั้งใจที่จะไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง (r=.13, .10,
.14, .26, & .22 ตามล าดับ)
ผลการวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกท้านายความตั้งใจที่จะไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
ผลการวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกท านายความตั้งใจที่จะไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของคนไทย โดยมี
ความคาดหวังที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ตนเลือกจะชนะ การไปลงคะแนนเสียงครั้งก่อนหน้า ความสนใจในการ
เลือกตั้งที่จะมาถึง การมีนักการเมืองที่เป็นตัวแทนความคิด การมีพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนความคิด ระดับ
การศึกษา ระดับรายได้ของครัวเรือน และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของครอบครัวที่ผ่านมาเป็นตัวแปรพยากรณ์
น าเข้าตัวแปรทั้งหมด (Enter method) ดังแสดงในตารางที่ 6.4
2
ตัวแบบที่สร้างขึ้นมีความกลมกลืนพอสมควร X = 92.48, p-value < .001, -2LL = 221.65,
(8)
Nagelkerke R = .32 มีความแม่นย าในการจ าแนกเท่ากับ 97.7% ค่าสถิติทดสอบ Wald แสดงให้เห็นว่า
2
ความสนใจในการเลือกตั้งที่จะมาถึง สภาพเศรษฐกิจของครัวเรือน และการได้ไปเลือกตั้งครั้งก่อนหน้านั้น เป็น
ตัวพยากรณ์ที่มีนัยส าคัญที่ระดับ .05 โดยที่สภาพเศรษฐกิจของครัวเรือนสัมพันธ์ทางลบกับความตั้งใจไป
ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ในขณะที่การมีนักการเมืองที่เป็นตัวแทนความคิด พรรคการเมืองที่เป็นตัวแทน
ความคิด ความคาดหวังว่าผู้สมัครที่ตนเลือกจะชนะ ระดับการศึกษาและระดับรายได้ของครัวเรือนนั้นไม่เป็น
ตัวพยากรณ์ที่มีนัยส าคัญทางสถิติ
ดังนั้น จึงไม่อาจปฏิเสธสมมุติฐานการวิจัยที่ 4, 5 และ 8 และปฏิเสธสมมุติฐานการวิจัยที่ 1-3 และ 6-
7 อย่างไรก็ตามความคาดหวังที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ตนเลือกจะชนะมีอัตราส่วนแต้มต่อ 2.89 ซึ่งสัมพันธ์
ทางบวกพอสมควรแต่ไม่มีนัยส าคัญทางสถิติ ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากปัญหาการร่วมเชิงเส้นพหุ ดังจะเห็นได้ว่า
ความคาดหวังที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ตนเลือกจะชนะมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการมีนักการเมืองที่เป็นตัวแทน
ความคิด การมีพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนความคิด และความสนใจในการเลือกตั้งที่ก าลังจะมาถึง การสร้าง
ตัวแบบที่ประหยัดมัธยัสถ์ (Parsimonious) จึงมีความจ าเป็น การวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกทวินามและน าเข้า
ตัวแปรด้วยวิธี Forward conditional ซึ่งจะคัดเลือกเฉพาะ ตัวแปรพยากรณ์ที่มีส่วนช่วยเพิ่มความแม่นย า
ของตัวแบบและมีนัยส าคัญทางสถิติ แสดงในตารางที่ 6.5