Page 53 - kpi19815
P. 53
52 การคัดค้านผลการเลือกตั้งโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 53
มาตรา 3 แห่งปฏิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองปี ค.ศ. 1789 สามารถปฏิบัติหน้าที่ทั้งหลายในนามของชาติได้ ซึ่งผู้แทนของชาติในที่นี้
(Déclaration des droits de l'homme et du citoyen de 1789) ว่า มาจากการเลือกของพลเมืองที่มีคุณสมบัติตามที่รัฐกำาหนด (suffrage
“อ�ำนำจอธิปไตยเป็นของชำติ บุคคลใดๆ ย่อมไม่อำจใช้อ�ำนำจดังกล่ำว restreint) โดยการกำาหนดตัวผู้แทนของชาตินั้นมิได้เป็นสิทธิที่พลเมือง
ในนำมของตนเอง” อำานาจอธิปไตยตามแนวคิดนี้จึงมิได้เป็นของ อาจเลือกใช้หรือไม่ใช้สิทธิก็ได้ หากแต่เป็นหน้าที่ของพลเมืองทั้งหลาย
ตัวบุคคลหรือกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกของรัฐนั้นๆ หากแต่เป็นของ (électorat-fonction) หรืออาจเรียกว่าเป็น “การลงคะแนนแบบบังคับ”
3
“ชาติ” (Nation) เสมือนเป็นนิติบุคคลที่แยกออกต่างหากจากบุคคล (vote obligatoire) ทั้งนี้ผู้แทนที่ถูกกำาหนดตัวโดยพลเมืองนั้นมิใช่ผู้แทน
4
ธรรมดาซึ่งเป็นสมาชิกของนิติบุคคล โดยสาระสำาคัญของทฤษฎี ของพลเมืองซึ่งเป็นผู้กำาหนดตัวผู้แทน หากแต่เป็น “ผู้แทนของชาติ”
6
ดังกล่าวมีทั้งสิ้น 2 ประการดังนี้ (représentant)
ประการแรก อำานาจอธิปไตยของชาตินั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียว 1.1.2 ทฤษฎีอำานาจอธิปไตยของปวงชน
ไม่สามารถแบ่งแยกได้ กล่าวคือ อำานาจอธิปไตยเป็นของชาติและการใช้ ทฤษฎีอำานาจอธิปไตยของปวงชน (Théorie de la souveraineté
อำานาจดังกล่าวต้องใช้ในนามของชาติเท่านั้น ไม่มีการถืออำานาจอธิปไตย populaire) ได้รับการก่อตั้งขึ้นโดย Jean-Jacques Rousseau (1712
ร่วมกันระหว่างปัจเจกชนทั้งหลายในฐานะเจ้าของร่วม (Cosouverain)
5 ประการที่สอง เจตจำานงของชาติแสดงออกผ่านผู้แทนของชาติ – 1778) ผ่านผลงานชื่อ Le contrat social (สัญญาประชาคม) ซึ่ง
เนื่องจากชาติซึ่งมีลักษณะเป็นนามธรรมนั้นไม่สามารถแสดงออกซึ่ง ได้รับการตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1762 แนวคิดดังกล่าวตั้งอยู่บนหลักของความ
เท่าเทียมระหว่างปัจเจกชน กล่าวคือ อำานาจอธิปไตยมิได้เป็นของชาติ
เจตจำานงหรือกระทำาการใดๆ ด้วยตนเอง ชาติจึงจำาเป็นต้องมีผู้แทนที่
ตามที่ Siéyès กล่าวอ้างไว้ หากแต่เป็นของปัจเจกชนทุกๆ คนที่เป็น
สมาชิกของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง อำานาจดังกล่าวเป็น
3 ข้อความคิดว่าด้วยชาตินั้นปรากฏอยู่ 2 แนวคิดซึ่งเป็นที่ยอมรับ (1) ทฤษฎีความเป็นชาติ ของปัจเจกชนทุกคน คนละหนึ่งส่วนโดยเสมอกัน ดังนั้นหากรัฐหนึ่ง
ในเชิงภวะวิสัย (Thèse objective de la nation): แนวคิดดังกล่าวเน้นองค์ประกอบของชาติ มีประชากร 10,0000 คน ประชาชนหนึ่งคนจะเป็นเจ้าของอำานาจ
ในเชิงภวะวิสัยเป็นสำาคัญ ได้แก่ เชื้อชาติ ภาษา จารีตประเพณี วัฒนธรรม ศาสนา เป็นต้น
7
(2) ทฤษฎีความเป็นชาติในเชิงอัตวิสัย (Thèse subjective de la nation): แนวคิดนี้ให้ความ อธิปไตย 1 ใน 000,01 ส่วนเท่าเทียมกัน โดยสาระสำาคัญของทฤษฎี
สำาคัญกับองค์ประกอบในเชิงอัตวิสัยซึ่งหมายถึงเจตจำานงของกลุ่มบุคคลที่ต้องการจะอยู่ร่วม อำานาจอธิปไตยของปวงชนมีทั้งสิ้น 3 ประการดังนี้
กันโดยไม่คำานึงถึงองค์ประกอบในเชิงภวะวิสัย; โปรดดู ARDANT, P. & MATHIEU, B. (2010).
Institutions politiques et droit constitutionnel. 22ème édition, Paris: L.G.D.J. pp. 23 – 24; ประการแรก อำานาจอธิปไตยของปวงชนแสดงออกผ่าน
ฐากูร ศิริยุทธ์วัฒนา. อ้างแล้ว. หน้า 34 - 35
4 เจตจำานงของปวงชนทั้งหลาย กล่าวคือ เจตจำานงของรัฐแสดงออก
GICQUEL, J. & GICQUEL, J.E. (2013). Droit constitutionnel et institutions
politiques. 27ème édition. Paris: L.G.D.J. p. 224; และโปรดดู CARRÉ DE MALBERG, R.
(2003). Contribution à la théorie générale de l’État. Paris: Dalloz. p. 14 et p. 167 et s.;
BARTHÉLEMY, J. & DUEZ, P. op.cit. p. 58 6 Ibid. p. 174
5 ARDANT, P. & MATHIEU, B. Ibid. p. 173 7 Ibid. p. 175; CARRÉ DE MALBERG, R. Ibid. p. 154