Page 162 - kpi19815
P. 162
160 การคัดค้านผลการเลือกตั้งโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 161
เลือกตั้งได้กระทำาความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งและเสนอคำาร้องต่อ เพิ่มเติมได้ หากพิจารณาในเบื้องต้นจะพบว่าศาลมีอำานาจในการ
206
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อวินิจฉัย หรืออาจเป็นกรณีที่คณะกรรมการ แสวงหาข้อเท็จจริงในคดีได้เองเสมือนการพิจารณาคดีในระบบไต่สวน
การเลือกตั้งมีคำาสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลดังกล่าวไว้ เพียงแต่ประเด็นที่ควรพิจารณาคือ หากข้อเท็จจริงที่ได้จากสำานวนของ
เป็นการชั่วคราวแล้วและเสนอคำาร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อ คณะกรรมการการเลือกตั้งขัดหรือแย้งกับข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาไต่สวน
วินิจฉัยในภายหลัง หากศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งกระทำา ศาลฎีกาจะวินิจฉัยผลแห่งคดีตามข้อเท็จจริงใด? ในเมื่อรัฐธรรมนูญ
205
ความผิดจริงตามคำาร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศาลฎีกามีอำานาจ กำาหนดให้ใช้สำานวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นหลักในการ
เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสิทธิเลือกตั้งของบุคคลดังกล่าวเป็น พิจารณา ส่วนอำานาจในการไต่สวนข้อเท็จจริงของศาลนั้น รัฐธรรมนูญ
เวลา 10 ปี แต่จะไม่มีผลกระทบต่อผลการเลือกตั้งแต่อย่างใด กำาหนดไว้ในลักษณะที่เป็นการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากสำานวน
ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง อาจกล่าวได้ว่าศาลฎีกามิได้มีอำานาจ
จะเห็นว่าอำานาจของศาลฎีกาในการวินิจฉัยคดีเลือกตั้งทั้ง
2 ประเภทมีฐานมาจากคำาร้องว่าด้วยการเพิกถอนสิทธิทางการเมือง ไต่สวนโดยบริบูรณ์ หากแต่สามารถไต่สวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง
ของผู้สมัครที่กระทำาความผิดกฎหมายเลือกตั้งเท่านั้น ศาลฎีกาไม่มี เพิ่มเติมจากสำานวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งเท่านั้น
อำานาจในการพิจารณายกเลิกผลการเลือกตั้งแต่อย่างใด เพียงแต่
คำาวินิจฉัยของศาลในกรณีการเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของสมาชิก โดยสรุป หากพิจารณาเฉพาะบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
สภาผู้แทนราษฎรมีผลเป็นการยกเลิกผลการเลือกตั้งโดยปริยายเท่านั้น ฉบับปัจจุบันจะพบว่าเขตอำานาจในคดีเลือกตั้งของศาลฎีกานั้นมีลักษณะ
ดังนั้น ในกรณีที่การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมอันเกิด ที่แคบกว่าเดิม ในขณะเดียวกันศาลฎีกาได้รับอำานาจในการเพิกถอน
จากการกระทำาของบุคคลที่มิใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือเป็นผลมาจาก สิทธิทางการเมือง (สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสิทธิเลือกตั้ง) ของบุคคล
ความบกพร่องในการจัดการเลือกตั้ง ศาลฎีกาย่อมไม่มีอำานาจในการ เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งเป็นบทลงโทษที่รุนแรงกว่าการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
วินิจฉัยข้อพิพาทเหล่านี้
เป็นเวลา 5 ปีตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเดิม
อนึ่ง ในแง่ของการพิจารณาคดีนั้น รัฐธรรมนูญกำาหนดให้
ศาลฎีกาใช้สำานวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นหลักในการพิจารณา
และกำาหนดให้ศาลมีอำานาจสั่งไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน
205 โปรดดู อำานาจในการเสนอคำาร้องว่าด้วยการเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของผู้สมัคร
รับเลือกตั้งต่อศาลฎีกาที่ได้อธิบายไว้ในส่วนที่แล้ว (หัวข้อ 1.3) 206 มาตรา 226 วรรคสอง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560