Page 134 - kpi18630
P. 134
มาตรงปากทางเข้าบ้าน น้าบาวไก่นอกจากจะปัญญาอ่อนแล้วยังพูดติดอ่างนิดๆ จน
เป็นที่ตลกขบขับของคนที่ได้ยินได้ฟัง
ตาหลวง ที่น้าบาวไก่เรียกคือพระภิกษุชราผู้รับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสซึ่งรู้จัก
สนิทกันเป็นอย่างดี และวัดก็อยู่ไม่ห่างจากบ้านเท่าใดนัก ระยะแค่ชั่วร้องตะโกนถึง
เวลาน้าบาวไก่ไปวัดก็มักจะไปนั่งที่กุฏิของท่าน นั่งนอนอยู่เป็นนานสองนาน จนคน
มาวัดให้สมญานามว่า ท่านรองเจ้าอาวาส
ตอนแรกที่แม่ของน้าบาวไก่ยังเดินได้ดี ยามว่างเว้นจากช่วยเป็นลูกมือแม่
ท�าขนมขาย ก็จะมานั่งอยู่ที่ชานกุฏิเจ้าอาวาส และดูเหมือนเขาจะพอใจกับสมญานาม
ที่ชาวบ้านบ้านทางควายตั้งให้ เลยสวมบทบาทเหมือนกับว่าต้องรับภาระดูแลวัดไป
ด้วย แต่พอแม่ป่วยเป็นอัมพฤตขาไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงต้องนั่งรถเข็นตลอด น้าบาวไก่
เลยไม่ค่อยมีเวลามานั่งที่กุฏิเหมือนเมื่อก่อน จะมาได้ก็ต่อเมื่อวันพระแปดค�่าสิบ
ห้าค�่าหรือวันมีงานที่วัดเพราะต้องท�าหน้าที่ยกแม่ขึ้นรถรุน หรือรถเข็นสองล้อ
ซึ่งเมื่อก่อนใช้ส�าหรับบรรทุกถาด-และหม้อใส่ขนมไปขาย พอไม่ได้ขายก็กลายเป็น
รถส�าหรับพาแม่ไปวัดหรือไปที่ต่างๆ ตามแต่แม่ต้องการไป เช่นงานศพ งานบวช
เพื่อนบ้านที่สนิทกัน โดยน้าบาวไก่จะยกแม่ขึ้นนั่งบนรถรุนก่อนแล้วตามด้วยรถวีลแชร์
แต่โดยมากไม่ต้องใช้รถวีลแชร์ เพราะจะเกะกะล�าบากเปล่าๆ เอาแม่นั่งบนรถรุน
พอจะลงก็อุ้มไปวางไว้ตรงจุดที่แม่ต้องการนั่ง เวลากลับก็อุ้มแม่วางบนรถเข็นกลับ
และอาจเพราะภารกิจนี้นี่เอง ท�าให้ชาวบ้านบ้านทางควายรวมถึงพระเณรในวัดต่าง
พร้อมใจกันเรียกเขาว่า ‘น้าบาว’ ไม่มีใครเรียกเขาว่า ‘ไอ้’ สักคน
แม่ของน้าบาวไก่ ก่อนหน้าที่ยังไม่ประสบเคราะห์กรรมเป็นอัมพฤต
มักโมโหขัดหูขัดตาทุกครั้งที่มองลูกชายคนหัวปี ปัญญาอ่อนอย่างเดียวยังไม่พอ
รูปร่างหน้าตาก็ดูพิลึกพิลั่น มือหนาตีนหนา ต้นคอกับท้ายทอยขนาดเท่ากัน จน
บางทีนางเผลอคิดไปว่า เพราะบาปกรรมที่สามีชอบเล่นวัวชน ลูกเลยออกมาละม้าย
ควายกับวัว ระหว่างความรักที่มีเป็นสามัญส�านึกส�าหรับจิตใจของแม่กับความชิงชัง
ในใจเพราะไม่ได้สมดั่งใจจึงวิ่งสวนทางกันไปมาตลอด รักก็รักเพราะเป็นลูก ชังก็ชัง
เพราะเหมือนเป็นตัวบาปกรรมที่ตกผลมาให้รับในชาตินี้ บางทีแสนรักแสนสงสาร
133
ʶҺѹ¾Ãл¡à¡ÅŒÒ
01-288 Power of Thai People_Edit.indd 133 21/3/2561 BE 10:00