Page 90 - kpi15695
P. 90
คํ า พิ พ า ก ษ า น่ า รู้
ค ดี ป ก ค ร อ ง ข อ ง อ ง ค์ ก ร ป ก ค ร อ ง ส่ ว น ท้ อ ง ถิ่ น
เป็นพนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลของจังหวัดสุราษฎรธานีต่างให้
ถ้อยคำสอดคล้องตรงกันว่านายอภิสิทธิ์ (ผู้ฟ้องคดี)เรียกและรับเงินเพื่อ
เป็นค่าวิ่งเต้นช่วยเหลือในการสอบบรรจุเป็นพนักงานองค์การบริหาร
ส่วนตำบลของจังหวัดสุราษฎร์ธานีจากพวกตนจริง แต่ไม่ติดใจที่จะเอา
ความ เนื่องจากได้รับเงินคืนหมดแล้ว มีเพียงพยานปากเดียวซึ่งเป็น
ฝ่ายนายอภิสิทธิ์ผู้ฟ้องคดีที่ให้การยืนยันว่าบุคคลเหล่านี้นำเงินมาให้
นายอภิสิทธิ์ผู้ฟ้องคดีกู้ยืมเงินเพื่อที่จะไปทำธุรกิจค้าขายข้าวสารร่วมกับ
นายสง่าและคำให้การของนายสง่าที่ว่าเป็นการกลั่นแกล้งนายอภิสิทธิ์
ผู้ฟ้องคดีก็เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีเหตุผลสนับสนุนว่าใคร
กลั่นแกล้งใคร เพราะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่านายศิลากับพวกเคยมี
สาเหตุโกรธเคืองกับนายอภิสิทธิ์ผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด อีกทั้งยังมี
หลักฐานซึ่งภรรยานายอภิสิทธิ์ผู้ฟ้องคดียอมรับว่าเป็นผู้บันทึกด้วย
ตนเอง ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับ ชื่อ สกุล เลขประจำตัวสอบ ตำแหน่งที่
สมัครสอบ และจำนวนเงินที่ได้รับจากผู้สมัครสอบแต่ละคน ปรากฏเป็น
พยานหลักฐานด้วย คำให้การของนายสง่าและนายอภิสิทธิ์ผู้ฟ้องคดีกับ
ภรรยาจึงไม่เหตุผลและน้ำหนักเพียงพอไม่อาจรับฟังได้ พฤติการณ์ของ
ผู้ฟ้องคดีเป็นการอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนหาผลประโยชน์
ให้กับตนเองและการเรียกและรับเงินดังกล่าวเป็นการทำให้เสื่อมเสีย
เกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนและเป็นการกระทำอันได้
ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง การที่กรมการปกครองมีคำสั่ง
ลงโทษไล่นายอภิสิทธิ์ (ผู้ฟ้องคดี) ออกจากราชการจึงเป็นคำสั่งที่ชอบ
ด้วยกฎหมาย ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง
นายอภิสิทธิ์เลยยังไม่ได้กลับเข้ารับราชการ
81