Page 242 - kpiebook65056
P. 242

240          ผู้  นร   รสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว                  241



 และพระคุณ ย่อมอยู่ในวงอันจะต้องถูกติ ถูกชม อีกเหตุหนึ่งจะ  ในช่วงเวลาของรัฐบาลพระยามโนฯ หลังมีรัฐธรรมนู แล้วนั้น
 น�ามาซึ่งความขมขื่นในเวลาท�า                    อันเป็น  เราได้เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของพระยามโนฯ ผู้เป นนายกรัฐมนตรีที่ดูจะมี

 เวลาที่ต่างฝ่ายต่างหาโอกาศ        ซึ่งกันและกัน พระยามโน    ความเชื่อมั่นในตัวเองมากข ้นและมั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาล ซ ่งก็ไม่แปลก
 เห็นว่า เพื่อความสงบเรียบร้อยสมัครสมานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน   เพราะเมื่อใช้ธรรมนู การปกครองอยู่นั้นอำานาจสภาผู้แทนราษฎรค่อนข้าง
 ระหว่างเจ้านายกับราษฎร ควรถือเสียว่าพระบรมวงศานุวงค์ ตั้งแต่  จะมาก คณะกรรมการราษฎรหรือรัฐบาลเป นเพียงคณะกรรมการของสภาฯ

 ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป ย่อมด�ารงอยู่เหนือการเมืองทั้งหลายส่วนในทาง  ที่จะไปกำากับดูแลการบริหารของเสนาบดี แต่ตามรัฐธรรมนู ฉบับ 10 ธันวาคม
 ที่เจ้านายจะช่วยท�านุบ�ารุงประเทศบ้านเมืองก็ย่อมมีโอกาสบริบูรณ์   พ.ศ. 2475 นั้น รัฐบาลเป น  ายบริหารที่แยกตัวออกมาจากสภาฯ อย่างแจ้งชัด

 ใน านะต�าแหน่งประจ�าและต�าแหน่งอันเกี่ยวแก่วิชาชีพเป็นพิเศษ  มีคณะรัฐมนตรีที่แบ่งหน้าที่กันไปบริหารงานในแต่ละกระทรวงโดยตรง และ
 อยู่แล้ว จึงหารือมานั้น ได้ทราบแล้ว ันเห็นด้วยตามความคิด   หากดูจากพลังการเมืองและพลังทหารของตัวท่านเองนั้น เดิมพระยามโนฯ
 ของพระยามโน  ทุกประการ  แทบจะไม่มีทั้งพลังการเมืองและพลังทหารเลย ท่านเป นตัวเลือกที่เข้ามา

                   เป นหัวหน้ารัฐบาลชุดแรกเพราะเป นตุลาการอาวุโส ซ ่งเป นข้าราชการของ
  พระปรมา ิไธย  ประชาธิปก ป.ร.”   แผ่นดินที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนโดยทั่วไปสูงมาก และเป นบุคคลที่

                   มีความสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้าอยู่หัว โดยคนในครอบครัวเคยป ิบัติหน้าที่
 ดังนั้นจ งน่าจะเป นไปดังที่พระยามโนฯ ได้พยายามดำาเนินการ  รับใช้ใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีมาก่อน ทั้งใน

 ระหว่างที่ร่างรัฐธรรมนู ในการนำาเรื่องข ้นทูลเกล้าฯ ขอพระราชดำาริและ  การแสดงความคิดเห็นที่ผ่านมาก็มีความเป นเสรีนิยม ในอดีตเมื่อเกิดกรณี
 ขอพระราชวินิจฉัยด้วยก็เป นได้ ครั้นเมื่อร่างเรียบร้อยก่อนนำาเสนอให้สภาฯ   คดีพระยาระกา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 พิจารณานั้น ประธานอนุกรรมการร่างยังกล่าวอีกว่า    4    ที่กรมหลวงราชบุรีดิเรก ทธิ  พระราชโอรสขอลาออกจากตำาแหน่งเสนาบดี
                   กระทรวงยุติธรรม เพราะขัดแย้งกับกรมพระนราธิปประพันธ์พงษ์ พระยามโนฯ
  “ทรงแนะน�าว่า การประกาศใช้รั ธรรมนูญนั้นเป็น   ซ ่งตอนนั้นมีบรรดาศักดิ เป นหลวงประดิษฐ์พิจารณการณ์ ได้เป นผู้พิพากษา
 ของส�าคัญยิ่งใหญ่ ควรจะมีพิธีรีตอง จึ่งได้โปรดเกล้า  ให้โหรหลวง   คนหน ่งในบรรดาผู้พิพากษาจำานวน 28 นาย ที่ได้ขอลาออกจากราชการ

 หา กษ์ยาม ได้    กษ์  กษ์   ตกวันที่   ธันวาคม  กษ์      ตามเสนาบดี ต่อมาคณะผู้พิพากษาชุดนี้ได้เขียนคำากราบบังคมทูลพระกรุณา
 ตกวันที่    ธันวาคม  กษ์   ไปตกกลางเดือนมกราคม”   ขอพระราชทานอภัย โดยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้โปรดพระราชทานอภัย

                   จ งนับว่าเป นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองมากอยู่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม
 ทั้งนี้ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเรื่องที่ทางกระทรวงวังส่งมาให้    การได้รับการเลือกมาเป นประธานคณะกรรมการราษฎรนั้น คณะราษฎรหรือ

 และเลือกเอาเวลา 11.02:00 น. ของวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป น กษ์  คณะผู้ย ดอำานาจเปลี่ยนแปลงการปกครองเป นผู้เลือกเอง
 เป ดประชุมสภา
   237   238   239   240   241   242   243   244   245   246   247