Page 177 - kpiebook65056
P. 177

176          ผู้  นร   รสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว                                                                                        177



                        แต่ได้ประมุขของ  ายนิติบั  ัติ คือ ประธานสภาฯ มาทำางานไป                     ครั้งต่อมา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 จ งมาแจ้งให้สภาฯ ได้ทราบว่า ท่านได้
               ได้เพียงเดือนกว่าเท่านั้น ได้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างประธานสภาฯ                  ไปพบประธานสภาผู้แทนราษฎร และขอร้องตามมติของสภาฯ ที่มอบหมาย

               เจ้าพระยาธรรมศักดิ ฯ กับสมาชิกสภาฯ จากจังหวัดพระนครท่านหน ่ง คือ                      แล้ว แต่ประธานสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่าท่านเป นโรคลำาไส้ ทั้งยังมี
               ขุนสมาหารหิตะคดี ในเหตุการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในการประชุมสภาฯ โดยเกิดข ้น                  ใบรับรองแพทย์ และยืนยันในการลาออกของท่าน ดังนั้นที่ประชุมสภาฯ
               เมื่อตอนปลายเดือนมกราคม ในการประชุมเพื่ออธิบายข้อบังคับการประชุม                      จ งได้มีมติรับใบลาของเจ้าพระยาธรรมศักดิ มนตรี ท่านจ งพ้นตำาแหน่ง

               และการปร กษาของสภาผู้แทนราษฎร ที่ประธานสภาฯ ท่านหวังดีให้เชิ                          ประธานสภาฯ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 ตามวันที่ขอลาออก
               ผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ มา  งการบรรยายที่ท่านประธานสภาฯ                     ทำาให้ในวันเดียวกันต้องเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ ซ ่งได้แก่

               ได้เป นผู้บรรยายเอง การบรรยายเนื้อหาจบลงด้วยดี ท่านประธานสภาฯ                         นายพลเรือตรี พระยาศรยุทธเสนี รองประธานสภาฯ คนที่ 1 นั่นเอง
               จ งได้ให้สมาชิกซักถาม ในตอนที่ซักถามนั่นเอง ที่การซักถามของขุนสมาหารฯ                          ในช่วงเวลาการประชุมสมัยที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2476
               ผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนครได้ทำาให้ประธานสภาฯ ถ งกับไม่ตอบและ                           จนถ งวันป ดสมัยประชุมในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2477 ซ ่งตอนนั้นเป น

               ยุติการบรรยายทันที ดังที่ประเสริฐ ป ทมะสุคนธ์บันท กเล่าเอาไว้ว่า    10
                                                                                                     วันสิ้นป ของไทยด้วยนั้น สภาฯ ได้พิจารณาผ่านกฎหมายสำาคั    และมีมติ
                                                                                                     ดำาเนินการในเรื่องสำาคั ที่น่าจะบันท กไว้ดังนี้ สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่าน
                               “ในการนี้ได้มีสมาชิกถามกันหลายประเด็น ประธานส า                       กฎหมายสำาคั  2 ฉบับ โดยฉบับแรกได้แก่ พระราชบั  ัติมหาวิทยาลัย
                        ก็ตอบอธิบายให้เป็นที่เข้าใจทุกประเด็น มีอยู่ประเด็นหนึ่งซึ่ง                 วิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ที่ว่ากฎหมายนี้เป นกฎหมายสำาคั  เพราะเป น

                        ขุนสมาหารหิตะคดี ผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนคร ถามว่า                             ความตั้งใจของรัฐบาลที่จะดำาเนินการตามหลักที่ 6 ว่าด้วยการให้การศ กษา
                        หากสมาชิกส าไม่พอใจประธานส า ในข้อบังคับนี้มีข้อใดบ้างที่                    แก่ประชาชน ตามหลัก 6 ประการของคณะราษฎร ที่ได้ประกาศไว้ตั้งแต่

                        จะให้ประธานส าพ้นจากต�าแหน่ง ค�าถามนี้ประธานส าไม่ตอบ                        วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เคยเสนอแผนเกี่ยวกับ
                        และขอเลิกการบรรยายทันที”                                                     การศ กษาผ่านสภาฯ มาแล้ว แต่ในครั้งนี้เป นการเสนอร่างกฎหมายที่ตั้งใจ

                                                                                                     จะตั้งสถาบันการศ กษาระดับอุดมศ กษาเพิ่มข ้นหน ่งแห่ง จากที่เคยมีมาก่อน
                        ครั้นถ งวันที่  25  มกราคม  พ.ศ.  2476  มีการประชุม                          เปลี่ยนแปลงการปกครองแห่ง 1 แล้ว จ งนับว่าเป นการตั้งมหาวิทยาลัยแห่งที่ 2

               สภาผู้แทนราษฎรตามปกติ นายพลเรือตรีพระยาศรยุทธเสนี รองประธาน                           ของประเทศ โดยรัฐบาลได้เสนอร่างพระราชบั  ัติมหาวิทยาลัย
               สภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าประธานสภาผู้แทนราษฎร                      วิชาธรรมศาสตร์และการเมืองเข้าสภาฯ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476
               ได้มอบหมายให้ดำาเนินการประชุมแทน ทั้งพระยาศรยุทธเสนียังแจ้งอีกว่า                     ท่านผู้เสนอร่างพระราชบั  ัติฉบับนี้ คือ หลวงธำารงนาวาสวัสดิ ที่เป น

               ประธานสภาฯ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปยังรัฐบาล                      รัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ในตอนนั้นหลวงประดิษฐ์ฯ ยังไม่ได้กลับมาเป น
               ที่ประชุมสภาฯ ได้ขอร้องให้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ไปขอร้อง                     รัฐมนตรีในรัฐบาล หลวงธำารงนาวาสวัสดิ ได้แถลงว่า    11

               ให้ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรรับตำาแหน่งต่อไป แต่ในการประชุมสภาฯ
   172   173   174   175   176   177   178   179   180   181   182