Page 262 - kpiebook65043
P. 262

262   สรุปการประชุมวิชาการ
           สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 23
         ประชาธิปไตยในภูมิทัศน์ใหม่


                 บทความชิ้นนี้จะเป็นการศึกษานโยบายและกฎหมายของรัฐที่เกี่ยวข้องหรือส่งผล
           ต่อการตายดีของประชาชน โดยศึกษาจากบทความวิชาการที่ได้รับการยอมรับในระดับ
           นานาชาติและนำมาพิจารณาเปรียบเทียบกับนโยบายหรือกฎหมายที่สำคัญของรัฐไทย

           เพื่อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงนโยบายและกฎหมายของรัฐเพื่อเตรียม
           ความพร้อมให้กับระบบสังคม ระบบบริการจัดการภาครัฐเพื่อรองรับกับความท้าทาย

           ในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะท้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

           2. ความสำคัญของการดูแลแบบประคับประคองกับสังคมไทย


                 การดูแลแบบประคับประคอง (Palliative care) เป็นรูปแบบการดูแลที่ผสมผสานการดูแล
           ทางการแพทย์ ทางสังคม ทางจิตใจและทางจิตวิญญาณ เข้าด้วยกันโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้

           ผู้ที่ได้รับการดูแลมี “คุณภาพชีวิตที่ดี” เท่าที่สภาพร่างกายและการดำเนินโรคของผู้ป่วย
           จะเอื้ออำนวย ทั้งนี้เพื่อให้ผู้นั้นจากไปอย่างสงบ สมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ดังนั้นการดูแล
           แบบประคับประคองจึงเป็นการ “เปลี่ยนเป้าหมาย” การดูแลจากเดิมที่มุ่งให้ “หายขาดจาก
           อาการ” เป็นให้ “อยู่กับอาการ” ที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

           เท่าที่สภาพร่างกายและการดำเนินโรคของผู้ป่วยจะเอื้ออำนวย

                 การพัฒนาศาสตร์ด้านการดูแลแบบประคับประคองเริ่มต้นในสังคมตะวันตกก่อนสังคม
           ไทยทั้งนี้เป็นเพราะสังคมตะวันตกเผชิญหน้ากับปัญหาความท้าทายทางประชากรศาสตร์
           และการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาใช้ในการรักษาเกินควรก่อน กล่าวคือ เมื่อมีผู้ป่วยที่เป็น

           โรคเรื้อรังที่ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้และจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีการนำ
           เทคโนโลยีทางการแพทย์มาใช้ในการดูแลเกินสมควรจนยื้อความตายออกไปได้ ทำให้ผู้ป่วย
           เรื้อรังหรือผู้สูงอายุอยู่ในสภาพ “ฟื้นไม่ได้ตายไม่ลง” นอนติดเตียงอยู่เป็นจำนวนมาก สภาพ
           ของผู้ป่วยที่อยู่ติดเตียงพร้อมด้วยเครื่องมือทางการแพทย์เป็นสภาพที่น่าหดหู่ใจสำหรับผู้พบเห็น

           ในสังคมตะวันตกจึงเกิดคำถามว่ากระบวนการทางการแพทย์เหล่านี้เป็นการไปละเมิดสิทธิ
           หรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือไม่ มูลเหตุดังกล่าวทำให้เกิดแนวคิดของการ “หาความสมดุล”
           ระหว่างกระบวนการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสมไม่เป็นการเร่งการตายหรือยืดการตายแต่ยัง
           คงรักษาและดูแลผู้ป่วยอย่างมีคุณภาพคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จนกระทั่งผู้นั้นเสียชีวิต


                 สำหรับสังคมไทยการพัฒนาศาสตร์ของการดูแลแบบประคับประคองเกิดขึ้นจาก
           ความจำเป็น 4 ประการ คือ
    บทความที่ผ่านการพิจารณา   มากขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แล้ว กล่าวคือ
                 2.1 สังคมไทยมีจำนวนผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังรุนแรงและรักษาไม่หายเพิ่ม



           มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ (กรมอนามัย,
           2563) และจากรายงาน Health data center ของกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30
           กันยายน 2563 คัดกรองความสามารถในการดำเนินชีวิตประจำวัน (ADL) ผู้สูงอายุจำนวน
   257   258   259   260   261   262   263   264   265   266   267