Page 181 - kpiebook65024
P. 181
180 ประเด็นส�ำคัญที่พึงมีในรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย
ความลับนี้ไว้ได้ ต่อมาจึงมีการหาที่ประชุมที่สามารถเก็บความลับได้ท�าให้เกิด
การประชุมในตู้ส�าหรับเก็บฉลองพระองค์ที่สามารถเก็บชุดได้ประมาณ 500 ชุด
ดังนั้น ต่อมาเวลาเชิญคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมจึงท�าหนังสือเชิญว่าขอเชิญเข้าร่วม
Cabinet ท�าให้ความลับของการประชุมไม่มีการรั่วไหล และเมื่อประชุมแล้วเสร็จ
โฆษกจึงจะออกมาแถลงว่ามีประเด็นและมติว่าอย่างไร อันเป็นที่มาของค�าว่า Cabinet
ซึ่งแปลว่า คณะรัฐมนตรี (วิษณุ เครืองาม ใน ส�านักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, 2554)
ส�าหรับประเทศไทยนั้น คณะรัฐมนตรีไทยนั้นมีขึ้นครั้งแรกหลังจากการเปลี่ยนแปลง
การปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยตามพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน
สยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ซึ่งในขณะนั้นเรียกว่าคณะกรรมการราษฎร และ
หลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช พ.ศ. 2475
จึงเปลี่ยนมาเรียกว่า “คณะรัฐมนตรี”
คณะรัฐมนตรีมีอ�านาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเป็นอ�านาจ
หน้าที่ที่มาจากส่วนหนึ่งของอ�านาจสูงสุดในการปกครองประเทศ กล่าวคือ อ�านาจ
อธิปไตย อ�านาจอธิปไตยนั้นเป็นองค์ประกอบที่ส�าคัญของการปกครองของรัฐที่มีอิสระ
เสรีภาพ และมีความเป็นเอกราช มีอ�านาจในการบริหารราชการทั้งกิจการภายในและ
นอกประเทศ โดยอ�านาจอธิปไตยทั่วไปนั้นแบ่งเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ อ�านาจนิติบัญญัติ
อ�านาจบริหาร และอ�านาจตุลาการ ซึ่งหลักการการแบ่งอ�านาจอธิปไตยดังกล่าว
ได้มีการรับรองในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ รวมถึงรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในมาตรา 3 ที่ว่า “อ�านาจอธิปไตยเป็นของ
ปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อ�านาจนั้นทางรัฐสภา
คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ” อันเป็นการสอดคล้องกับ
แนวคิดของนักคิดคนส�าคัญ คือ มองเตสกิเออที่ได้เขียนไว้ในหนังสือ “เจตนารมณ์
แห่งกฎหมาย” (The Spirit of Law) ความว่า “อิสรภาพย่อมไม่อาจด�ารงอยู่ได้