Page 182 - kpiebook63028
P. 182

181






                  สภาผู้แทนราษฎร มีเครือข่ายการจัดตั้งคะแนนการเลือกตั้งอย่างเข้มข้นในเขตการเลือกตั้ง รูปแบบการเลือกตั้งนี้

                  ผู้สมัครมักไม่เน้นนโยบายของพรรคมากนัก แต่เน้นความสำาคัญกับเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่น และเครือข่าย
                  กำานัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเครือข่ายนี้มีความสัมพันธ์ต่อกันแบบการจัดสรรผลประโยชน์ในรูปแบบงบประมาณของ

                  ท้องถิ่นเป็นหลัก เลือกตั้งสูง และจะขาดประสิทธิภาพเมื่อมีกระแสความนิยมในพรรคของผู้สมัครในระดับชาติ
                  ขาดความน่าเชื่อถือ  สอง พรรคอนาคตใหม่ ใช้รูปแบบการหาเสียงที่เน้นนโยบายพรรคการเมืองอย่างเข้มข้น

                  รูปแบบการหาเสียงแบบนี้เกิดขึ้นในพรรคการเมืองที่จัดตั้งใหม่ หรือไม่ใช่พรรคที่เกิดขึ้นหรือเติบโตในพื้นที่ของ
                  ผู้สมัคร กล่าวคือ ไม่ใช่พรรคท้องถิ่นนิยม  ขาดเครือข่ายหัวคะแนนในเขตการเลือกตั้ง หรือมีเครือข่ายการเมือง

                  ท้องถิ่นที่ไม่เข้มแข็งเพียงพอ มีเงินทุนในการหาเสียงเลือกตั้งน้อย ผู้สมัครที่ใช้รูปแบบการหาเสียงนี้จะต้อง
                  อาศัยสื่อเป็นหลัก โดยเฉพาะสื่อมวลชนและสื่อสังคมสมัยใหม่ ในการนำานโยบายของพรรคไปขยายความสู่

                  ประชาชน หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง  สาม รูปแบบการหาเสียงที่เน้นตัวบุคคลผู้สมัครในเขตการเลือกตั้งอย่างเข้มข้น
                  การหาเสียงแบบนี้เกิดขึ้นกับผู้สมัครที่มาจากพรรคการเมืองขนาดเล็กที่ขาดเงินทุนในการหาเสียง รูปแบบ

                  การหาเสียงแบบนี้ ผู้สมัครที่เป็นบุคคลพอมีชื่อเสียงในพื้นที่ เช่น เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นักการเมือง
                  ท้องถิ่น  ข้าราชการครู เป็นต้น ผู้สมัครจะได้รับเป้าหมายคะแนนจากพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง ทั้งนี้ภายใต้

                  ระบบการคำานวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบใหม่ จะมีการสะสมคะแนนเพื่อนำาไปคำานวณคะแนนเสียง
                  รวมทั้งประเทศ สี่ พรรคเสรีรวมไทย พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคชาติพัฒนา ใช้รูปแบบการหาเสียงที่

                  เน้นตัวบุคคลที่เด่นดังในพรรคอย่างเข้มข้น การหาเสียงแบบนี้เกิดขึ้นกับผู้สมัครที่มาจากพรรคการเมืองขนาดเล็ก
                  เป็นพรรคการเมืองเกิดใหม่ที่ขาดเงินทุนในการหาเสียง รูปแบบการหาเสียงแบบนี้ ผู้สมัครซึ่งบางครั้ง

                  ไม่เป็นที่รู้จักของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จะลงสมัครเพื่อให้ปรากฏเบอร์ในบัตรเลือกตั้ง ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ลงคะแนน
                  ผู้ลงคะแนนจะลงให้เนื่องจากความเด่นดังของบุคคลสำาคัญในพรรค มากกว่านโยบายพรรคการเมือง ทั้งนี้

                  ภายใต้ระบบการคำานวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบใหม่ จะมีการสะสมคะแนนเพื่อนำาไปคำานวณคะแนนเสียง
                  รวมทั้งประเทศ


                          3. ศึกษาผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดชลบุรี เป็นรายพรรคและรายเขตเลือกตั้ง
                  ซึ่งปรากฏในบทที่ 7 โดย ในภาพรวมทั้งจังหวัดชลบุรี พรรคพลังประชารัฐได้รับเลือกจำานวน 5 คน

                  พรรคอนาคตใหม่ได้รับเลือกจำานวน 3 คน คะแนนรวมทั้งจังหวัด พรรคพลังประชารัฐได้ 300,329 คะแนน

                  พรรคอนาคตใหม่ได้ 217,941 คะแนน พรรคภูมิใจไทยได้ 68,371 คะแนน พรรคประชาธิปัตย์
                  ได้ 58,056 คะแนน พรรคเพื่อไทยได้ 57,025 คะแนน ผลการเลือกตั้งสรุปได้ว่า พรรคพลังประชารัฐได้รับ
                  เลือกในเขตเลือกตั้งที่ 1, 2, 3, 4, และ 8 ในขณะที่พรรคอนาคตใหม่ได้รับเลือกในเขตเลือกตั้งที่ 5, 6, และ 7

                  เขตการเลือกตั้งที่ 1 นายสุชาติ ชมกลิ่น จากพรรคพลังประชารัฐ ชนะด้วยคะแนน 38,268 คะแนน ในขณะที่

                  นางสาวปิยะพร ธนาปิ่นชัย จากพรรคอนาคตใหม่ ได้ที่สอง 27,430 คะแนน เขตการเลือกตั้งที่ 2 ร้อยเอก จองชัย
                  วงศ์ทรายทอง จากพรรคพลังประชารัฐ ชนะด้วยคะแนน 42,427 คะแนน ในขณะที่ นายนิพนธ์ แจ่มจำารัส
                  จากพรรคอนาคตใหม่ ได้ที่สอง 21,147 คะแนน และนายมานิตย์ ภาวสุทธิ์ จากพรรคภูมิใจไทย ได้ที่สาม

                  20,853  คะแนน เขตเลือกตั้งที่ 3 นายรณเทพ อนุวัฒน์ จากพรรคพลังประชารัฐชนะด้วยคะแนน

                  54,644 คะแนน โดย นายภูวนารถ กาศสกุล จากพรรคอนาคตใหม่ ได้ที่สอง ได้ 15,038 คะแนน
   177   178   179   180   181   182   183   184   185   186   187