Page 92 - kpiebook63005
P. 92
91
คู่แข่งสำาคัญที่สุดของนายนวัธคือ นายสมศักดิ์ คุณเงิน จากพรรคพลังประชารัฐ สมศักดิ์
เป็นอดีตส.ส.หลายสมัย ตำาแหน่งล่าสุดเป็นอดีตประธานสภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น จะเห็นได้ว่า
ในช่วงนับจากปี 2548 เป็นต้นมา การเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น (โดยเฉพาะในอำาเภอหนองเรือ)
ในพื้นที่นี้จะเป็นการแข่งขันกันของสองตระกูลนี้ สลับกันแพ้ชนะตลอดขึ้นอยู่กับว่าสองตระกูลนี้เลือกที่
จะสังกัดพรรคใด คู่แข่งอีกหนึ่งคนที่น่าจะมีส่วนในการตัดคะแนนของนายนวัธคือ นายสมควร ไกรพน
อดีตผู้อำานวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง จากพรรคอนาคตใหม่
ส่วนผลสำารวจประชามติจากสำานัก A (เขต 7 ใช้กลุ่มตัวอย่างจำานวน 1,200 ราย) ครอบคลุมไป
ทุกตำาบลและหมู่บ้าน พบว่า นายนวัธ เตาะเจริญสุขได้รับความนิยมอยู่ที่ 51.1% นายสมศักดิ์ คุณเงิน
29.1% นายสมควร ไกรพน 14.0% ที่เหลือเป็นผู้สมัครจากพรรคอื่นๆ ขณะที่ผู้วิจัยและคณะ ได้ทำา
การสำารวจจากกลุ่มตัวอย่างจาก 150 คนจากอำาเภอหนองเรือ 79 คน และอำาเภอมัญจาคีรี 71 คน พบว่า
ประชาชนเลือกนายนวัธ 43% นายสมศักดิ์ 22% และนายสมควร 3.3%
เขต 8
พรรคเพื่อไทยส่งคนรุ่นใหม่คือ นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร วัย 30 ปีลูกสาวของพงศกร
และดวงแข อรรณนพพร พงศกรเป็นอดีต ส.ส.ขอนแก่นหลายสมัยและเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงศึกษาธิการในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช อีกทั้งเคยเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่บั่นทอนมิให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่มีที่นั่ง
มากจนเกินไป ทำาให้พรรคเพื่อไทยต้องแตกกระจายพรรค โดยในปี 2561 พงศกรเข้ารับตำาแหน่ง
เป็นเลขาธิการพรรคเพื่อธรรม (พรรคสำารองของพรรคเพื่อไทย) มีพล.ต.อ.สมพงษ์ อมรวิวัฒน์เป็น
หัวหน้าพรรค อย่างไรก็ดี เวลาต่อมา พงศกรลงสมัครเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติอันดับที่ 15
ส่วนดวงแข ลงสมัครเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยลำาดับที่ 37 ขณะที่พล.ต.อ.สมพงษ์ลงสมัคร
ส.ส.เขตในนามพรรคเพื่อไทยที่จังหวัดเชียงใหม่
แต่เดิมมีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะส่งดวงแขลงป้องกันแชมป์ เนื่องจากในการเลือกตั้ง
ปี 2550 ดวงแข พรรคพลังประชาชนในขณะนั้น ได้คะแนนถึง 124,447 เสียง เป็นรองแค่ผู้สมัครจาก
พรรคเดียวกันคือ ร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช ซึ่งได้คะแนน 135,158 เสียง ส่วนการเลือกตั้งในปี 2554
ดวงแขได้คะแนนถึง 77,472 เสียง ทิ้งห่างคู่แข่งอย่างถล่มทลาย คือนายคงฤทธิ์ อัศวพัฒนากูล จาก
196
พรรคภูมิใจไทย ที่ได้ 6,743 เสียง และอันดับสามคือ นายบรรพต พงษ์โพธิ์ชัย จากพรรคประชาธิปัตย์
ที่ได้ 6,195 เสียง ทว่าดวงแขต้องการจะให้คนรุ่นใหม่คือลูกลงสมัครมากกว่า อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าว
ในตอนแรกว่า ครอบครัวอรรณนพพรอาจตัดสินใจให้นายพชรกร อรรณนพพร บุตรชายคนที่ 4 จาก
จำานวน 5 คน ลงสมัครมากกว่า ช่วงเวลานั้น พชรกรให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองพร้อมที่จะลงเล่นการเมือง
196 ส่วนในการเลือกตั้งปี 2550 คงฤทธิ์สังกัดพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้คะแนนเป็นลำาดับที่ 7 คือ 10,941 คะแนน