Page 134 - kpiebook63005
P. 134
133
ขณะที่อลงกรณ์วัย 25 ปี ลงสนามการเมืองครั้งแรก โอกาสที่ดีของอลงกรณ์ส่วนหนึ่งมาจาก
ตระกูลข้าราชการการเมืองท้องถิ่น กล่าวคือ สิบตำารวจเอก ศักดา ศิลปดอนบม บิดาเป็นปลัดเทศบาล
ตำาบลบ้านค้อ อำาเภอเมืองขอนแก่น ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ตำาบลในเมืองของเขต 4 ด้วยการที่บิดานอกจาก
เป็นข้าราชการท้องถิ่น ยังเป็นเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ผู้กว้างขวางในจังหวัด อีกทั้งอลงกรณ์ยังมี
คุณอาเป็นอดีตนายกเทศมนตรีตำาบลสำาราญ ประกอบกับการที่อลงกรณ์ออกโทรทัศน์บ่อยครั้งในฐานะ
ผู้สมัครที่หน้าตาดีและมีกล้ามใหญ่โต ทำาให้อลงกรณ์เป็นขวัญใจคนจำานวนมากในโลกออนไลน์ ก่อนหน้านี้
สิบตำารวจเอก ศักดา เคยให้สัมภาษณ์กับผู้วิจัยขณะที่พรรคอนาคตใหม่เปิดปราศรัยใหญ่ที่ตลาดบ้านสำาราญ
นำาโดยพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค เดินทางมาช่วยปราศรัยหาเสียงให้นายอลงกรณ์ สิบตำารวจเอกศักดา
คาดการณ์ไว้อย่างถูกต้องว่า อลงกรณ์จะได้ประมาณ 30,000 เสียง โดยคะแนนจะมาจากวัยรุ่นในพื้นที่
ประมาณ 5,000 เสียง เสียงจัดตั้งจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอำาเภอเมืองประมาณ 10,000 เสียง
ที่เหลือจะกระจัดกระจายไปตามอำาเภอต่างๆ เนื่องจากปรากฏการณ์ “ธนาธรฟีเวอร์” สิบตำารวจเอกศักดา
ยังยอมรับถึงข้อได้เปรียบของผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐว่า “เขาเป็นนักการเมืองท้องถิ่น
เขาคลุกคลีกับชาวบ้านมาก งานบวชงานศพงานแต่ง เขาไปตลอด นี่คือสังคมชนบท วัฒนธรรมคนชนบท
ชอบผู้แทนแบบนี้ต่างจากสังคมเมือง แต่อลงกรณ์ยังเด็ก ไม่เคยไปงานอะไรแบบนี้” (สัมภาษณ์วันที่
16 มีนาคม 2562) กระนั้นก็ตาม หากพิจารณาการคาดการณ์ดังกล่าวก่อนการเลือกตั้งเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อ
เนื่องจากชื่อชั้นของอลงกรณ์ยังห่างไกลกับพิชิต สุรพล ผู้คลุกคลีในการเมืองท้องถิ่นเป็นเวลานาน แต่พอ
ผลเลือกตั้งออกมาถือว่าอลงกรณ์ประสบความสำาเร็จเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนอลงกรณ์กล่าวว่า เนื่องด้วยตนเองเติบโตมาแล้วต้องเจอการรัฐประหารถึงสองครั้ง ในปี
2549 ตนเองอายุ 12 ปี และในปี 2557 ตนเองอายุ 20 ปี เห็นสภาพเศรษฐกิจหลังการรัฐประหารตกตำ่า
ประชาชนถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ “ด้วยการที่ผมไปอยู่อเมริกาหลังเรียนจบปริญญาตรีหนึ่งปี ผมเห็น
ประชาชนมีเสรีภาพ มีความหลากหลายทางความคิด แต่งเพลงด่ารัฐบาลก็ได้ กลับมาดูในไทย คนเรียกร้อง
ประชาธิปไตยถูกจับกุมทั้งนั้น” อลงกรณ์เล่าว่า ในช่วงที่เดินสายหาเสียงมีประชาชนติดต่อหาในเฟซบุ๊ก
จำานวนมากเพื่อขอช่วยอลงกรณ์หาเสียงในระดับพื้นที่ แต่ไม่ขอรับเงินสนับสนุน เนื่องจากคนเหล่านี้ชอบ
ในนโยบายพรรคอนาคตใหม่ อลงกรณ์กล่าวด้วยว่า ตนเองอาศัยรถยนต์หนึ่งคันไปกับทีมงาน 3-4 คน
ตระเวนไปตามตลาดนัดเช้าเย็นตามพื้นที่ต่างๆ ทุกวัน แต่จะไม่ไปงานหมอรำาและงานบันเทิงใดๆ เพราะคิดว่า
ชาวบ้านเน้นไปเที่ยวสนุก ไม่ต้องการฟังนโยบายพรรคในงานดังกล่าว และตนเองไม่ได้ลงครบทุกพื้นที่
เนื่องจากเวลาและเงินมีจำากัด ระยะห่างระหว่างหมู่บ้านของอำาเภอเขาสวนกวางกับอุบลรัตน์ถือว่าไกลมาก
อีกทั้งวันเสาร์อาทิตย์ต้องศึกษาปริญญาโทสาขารัฐประศาสนศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น “หากเทียบ
เป็น 100% ผมแบ่งสัดส่วนลงพื้นที่ให้อำาเภอเมืองกับบ้านฝางอย่างละ 45% ส่วนอุบลรัตน์กับเขาสวนกวาง
อย่างละ 5%” นอกจากนี้ ในการลงพื้นที่ชาวบ้านมักจะถามอลงกรณ์ว่า มาจากฝ่ายทหารหรือเปล่า
ถ้าใช่ให้ออกไป ไม่ต้อนรับ “อารมณ์ของชาวบ้านจำานวนมากไม่เอาทหาร” ทั้งนี้ อลงกรณ์เป็นหนึ่งใน
ผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ที่ได้คะแนนเกินสามหมื่นเสียง ทั้งๆ ที่พรรคสนับสนุนให้ผู้สมัครรายละ