Page 133 - kpiebook63005
P. 133

132   การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดขอนแก่น








             พิชิต สุรพล จากพรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่อำาเภออุบลรัตน์ พิชิตเป็นอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำาบล

             ศรีสุขสำาราญ อำาเภออุบลรัตน์ และเป็นหลานแท้ชายของนายณรงค์เลิศ สุรพล ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ
             ในลำาดับที่ 42 พรรคพลังประชารัฐ กลับพบว่าแพ้พรรคเพื่อไทยทุกตำาบล อีกทั้งในหลายตำาบลยังแพ้พรรค

             อนาคตใหม่ ดังนั้น คะแนนที่พิชิตได้คือ 15,320 เสียง ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับคะแนนของมุกดา
             45,092 เสียง และอลงกรณ์ 30,603 เสียง


                      แกนนำาพรรคเพื่อไทยคนหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นวิเคราะห์ว่า เขต 4 เป็นพื้นที่ที่คนเสื้อแดงมีพลัง

             มากที่สุดที่หนึ่งในจังหวัดขอนแก่น โดยเฉพาะคนเสื้อแดงจากอำาเภออุบลรัตน์และอำาเภอเขาสวนกวาง
             สองอำาเภอใหญ่ อีกทั้งภายหลังจากที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบพรรค ทำาให้ประชาชนลงคะแนนให้

             พรรคเพื่อไทยมากกว่าพรรคเพื่อชาติ เนื่องจากกังวลว่า หากเสียงกระจัดกระจายอาจจะทำาให้มุกดาไม่ได้เป็น
             ส.ส. ขณะนั้น พรรคไทยรักษาชาติส่งตัวผู้สมัครที่มีชื่อเสียงในตำาบลบ้านดง อำาเภออุบลรัตน์คือ

             สตอ.สมัย สายอ่อนตา ลงแข่งขัน หากพรรคไทยรักษาชาติไม่ถูกยุบ สมัยน่าจะได้คะแนนไม่น้อยกว่า
             หนึ่งหมื่นคะแนน พรรคเพื่อไทยจึงโชคดีที่ได้คะแนนจากพรรคไทยรักษาชาติ ขณะที่อลงกรณ์จากพรรค

             อนาคตใหม่มาแรงเพราะหน้าตาดี ครอบครัวหนุนหลังอย่างจริงจัง และนโยบายของพรรคทำาให้ชาวบ้าน
             ชอบมากที่สุดเพราะกล้าชนกับทหาร (สัมภาษณ์วันที่ 5 พฤษภาคม 2562)


                        ส่วนมุกดาเล่าว่า ภายหลังการรัฐประหาร ชีวิตตนเองค่อนข้างลำาบาก ตนเองถูกนำาตัว
             เข้าค่ายเปรม ติณสูลานนท์ อำาเภอนำ้าพอง เป็นเวลา 7 วัน สาเหตุเนื่องจากมุกดาเป็นนักการเมืองในพื้นที่

             มานาน เป็น ส.ส. ตั้งแต่ปี 2539 ขณะที่ถูกนำาตัวไปค่ายมุกดาเล่าว่า “เราถูกละเมิดมากเกินไป ทั้งๆ ที่

             เราไม่ได้สร้างความเดือดร้อน เอาตัวเราไป มีทหารถือปืน 20 กว่าคน ต่อหน้าลูกหลานเรา เป็นภาพที่
             สะเทือนใจที่สุดสำาหรับผู้หญิงที่เล่นการเมือง” จากนั้นห้าปีก่อนการเลือกตั้ง มุกดาถูกห้ามทำากิจกรรม
             ทางการเมือง จึงทำาได้เพียงแค่พบปะชาวบ้าน เพื่อไปรับฟังปัญหาเดือดร้อนของพวกเขาเท่านั้น ขณะที่

             ไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม จะมีทหารตามติดตลอด แม้แต่ไปวัดยังตามไปด้วย มุกดาถามว่าทำาไมทหารถึงตามติด

             ได้รับคำาตอบว่า “เนื่องจากเจ้านายสั่งมา” จนในระยะหลังไม่ว่าทหารคนใดถูกส่งตัวมาตาม มุกดาเล่าว่า
             จะชวนให้มาทานข้าวด้วยกันเสมอ ก่อนการเลือกตั้ง มุกดากล่าวว่า “ตนเองไม่ได้กังวลในพรรคอนาคตใหม่เลย
             แต่กังวลพิชิต สุรพลจากพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากมีกลไกรัฐสนับสนุน” ส่วนตนเองลงไปพื้นที่หลายจุด

             โดยเฉพาะตำาบลในอำาเภอเมือง กลับพบว่า กำานันผู้ใหญ่บ้านไม่ให้ตนเองตั้งเวทีปราศรัยได้ อย่างไรก็ตาม

             ตนเองเดินทางไปถึง 283 หมู่บ้านครอบคลุมทั้งในเขต 4 ไปพบกับชาวบ้านที่เป็นรากหญ้าจริงๆ โดยตนเอง
             แทบไม่ได้พูดอะไร ส่วนใหญ่รับฟังแต่ปัญหาความอึดอัดและความเดือดร้อนของชาวบ้านมากกว่า มุกดา
             ยำ้าว่าคะแนนที่ตนเองได้ 45,092 มาจากประชาชนผู้รักประชาธิปไตยในพื้นที่จริงๆ และหากไม่มี

             กระแสธนาธร ดังที่มุกดาเล่าว่า ที่พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเยอะ “เพราะมาจากธนาธรคนเดียว”

             จะทำาให้ตนเองได้คะแนนใกล้เคียงกับการเลือกตั้งในปี 2554 คือ ได้ 73,511 คะแนน (สัมภาษณ์วันที่
             30 มิถุนายน 2562)
   128   129   130   131   132   133   134   135   136   137   138