Page 127 - kpiebook63005
P. 127

126   การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดขอนแก่น








                      ส่วนการเลือกตั้งรอบนี้ แกนนำาพรรคเพื่อไทยจังหวัดขอนแก่นเล่าว่า หลังรัฐประหารจตุพร

             ถูกจับตาจากฝ่ายความมั่นคงเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นผู้ที่ประชาชนในพื้นที่นิยมอย่างสูง เนื่องจากจตุพร
             ใช้บ้านจัดตั้งเป็นมูลนิธิเจริญเชื้อ คอยช่วยเหลือชาวบ้านในทุกกิจกรรมอย่างกว้างขวางมาเนิ่นนาน

             บ้านของเขาเป็นจุดรวมของชาวบ้านที่มาพบปะกันเสมอ และเนื่องด้วยเคยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ
             คนเสื้อแดงในพื้นที่จึงมีชื่ออยู่ในบัญชีดำาของฝ่ายความมั่นคง ดังนั้น หลังการรัฐประหารไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

             จตุพรถูกนำาตัวไปกักอาณาบริเวณภายในค่ายเปรม ติณสูลานนท์ อำาเภอนำ้าพอง เป็นเวลา 2 วัน และ
             ภายในค่ายศรีพัชรินทร์อีก 4 วัน รวมเป็นเวลา 6 วัน โดยต้องลงนามห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง

             มิฉะนั้นจะถูกจับและถูกระงับธุรกรรมทางการเงิน ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา จตุพรจึงลงพื้นที่ได้อย่างจำากัด
             และมีทหารคอยประกบเป็นส่วนใหญ่ จตุพรจึงพยายามติดต่อกับชาวบ้านผ่านการใช้สื่อออนไลน์แทน

             แต่ข้อจำากัดของสื่อชนิดนี้คือผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุเข้าไม่ถึง แกนนำาคนดังกล่าววิเคราะห์ว่า
             เนื่องด้วยข้อจำากัดดังกล่าว การที่จตุพรได้คะแนน 34,676 เสียงถือว่าโชคดีเป็นอย่างมาก (สัมภาษณ์

             วันที่ 5 พฤษภาคม 2562) ทั้งนี้ ในช่วงที่จตุพรถูกจำากัดบทบาทในการทำากิจกรรม ได้อาศัยน้องชายคือ
             นายตระกูล เจริญเชื้อ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด อำาเภอกระนวน คอยรักษาความสัมพันธ์

             กับฐานมวลชนแทน จากชัยชนะของจตุพรทำาให้กล่าวได้ว่า ประชาชนส่วนมากเลือกพรรคเพื่อไทยเพราะ
             ชื่อเสียงและนโยบายของพรรค และยังสนับสนุนตัวบุคคล ให้จตุพรเป็นผู้แทนพวกเขาต่อไปอีกสมัย


                      ความน่าสนใจอีกประการคือ ขณะที่จตุพรมีฐานเสียงในอำาเภอกระนวน คะแนนของเขากลับสูสี

             กับนายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง จากพรรคอนาคตใหม่ ทำานองเดียวกันครอบครัวนายชัชวาลเป็นผู้กว้างขวาง
             ในอำาเภอนำ้าพอง แต่คะแนนของเขาได้ไม่มากนักในอำาเภอนี้ ในประเด็นนี้ จตุพรให้สัมภาษณ์กับผู้วิจัยว่า

             “อนาคตใหม่มาลุยพื้นที่กระนวน มาตีฐานของเราก่อน แต่เราก็รู้ตัวก็ไปตีฐานที่นำ้าพองของเขาเช่นกัน”
             สอดคล้องกับข้อมูลข้างต้น จตุพรระบุว่า หลังรัฐประหารเรื่อยมา มีเจ้าหน้าที่ทหารมาเยี่ยมตนเองทุกเดือน

             มาถ่ายรูป สอดส่องว่าตนเองไม่ได้มีกิจกรรมการเมืองใดๆ “ห้าปีที่ผ่านมาผมเจอสกัดกั้นตลอด คู่แข่งเลย
             เอาผมไปโจมตีว่าผมไม่ลงพื้นที่” ส่วนช่วงหาเสียงไม่ว่าจะไปหาเสียงที่อำาเภอกระนวนหรือนำ้าพองก็จะมี

             เจ้าหน้าที่ตามประกบตลอด “ตรงกันข้ามกับอีกพรรคการเมืองหนึ่งที่ระดมสรรพกำาลังทุ่มทั้งอำานาจเงิน
             และอำานาจรัฐลงพื้นที่” อย่างไรก็ตาม จตุพรเล่าว่า ตนเองไม่ได้กังวลกระแสพรรคพลังประชารัฐเท่าไร

             เนื่องจากกระแสสนับสนุนประชาธิปไตยในพื้นที่แรงกว่าเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จตุพรได้ปรับรูปแบบ
             การหาเสียงใหม่ผ่านการพบปะชาวบ้านโดยตรงไม่ผ่านกลไกหัวคะแนน เพราะหัวคะแนนมักถูกข่มขู่จาก

             ฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น จึงเดินเคาะประตูทุกบ้านและจัดเวทีปราศรัยย่อย ส่วนคะแนนของตนเองที่ได้น้อย
             ลงไปเนื่องจากเพราะพรรคอนาคตใหม่ซึ่งมีแนวทางและอุดมการณ์ใกล้เคียงกันมาตัดคะแนนในส่วนนี้ไป

             ซึ่งจตุพรมองว่า “ในอนาคต พรรคอนาคตใหม่และนายชัชวาล จะเป็นคู่แข่งสำาคัญในการเลือกตั้งเขตนี้”
             (สัมภาษณ์วันที่ 28 มิถุนายน 2562)
   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132