Page 211 - kpiebook62014
P. 211

มีภารกิจมาก อีกทั้งการเป็นเจ้าหน้าที่หรือพนักงานของรัฐกลายเป็นข้อจ ากัดที่ท าให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้

               คล่องนักในสถานการณ์ที่การเลือกตั้งยังไม่มีการก าหนดให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรต้องให้ผู้น าเหล่านี้เข้าร่วม
               และรับรู้การด าเนินโครงการโดยตลอด เพื่อการขยายผลในช่องทางต่างๆและเพื่อความชอบธรรมของการด าเนิน

               โครงการ กรณีที่ผู้น าท้องที่กระตือรือร้นอย่างมาก และลงมือปฏิบัติรณรงค์ด้วยตนเอง นับว่าเป็นเรื่องดีมาก แต่

               ว่าเมื่อเป็นเรื่องการเมือง จึงกล่าวได้ยากกว่าการรณรงค์เรื่องวัฒนธรรมทั่วไป

                       8.  วัฒนธรรมหน่วยเหนือ – อันที่จริงความเชื่อเรื่องวัฒนธรรม “หน่วยเหนือ” หรือการที่คนในชุมชน

                          มักเกรงใจบางครั้งถึงขั้นเกรงกลัวต่อหน่วยงานภาครัฐนั้น ในแง่หนึ่งถือว่าเป็นต้นทุนที่ดีของ
                          หน่วยงานภาครัฐในการเข้าไปขอความร่วมมือในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนโดย

                          หน่วยงานภาครัฐโดยตลอด ไม่สามารถสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนได้ เพราะพฤติกรรมความ

                          ร่วมมือไม่อาจาพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากความเข้าใจและความเต็มใจ แต่อาจเป็นไปเพราะเกรงกลัวก็

                          เป็นได้ ดังเช่นที่คนในชุมชนไม่ปฏิเสธโครงการส่งเสริมชุมชนพลเมืองเข้มแข็งผ่านการรณรงค์การ

                          เลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเกรงใจหน่วยงานภาครัฐเกรงกลัว

                          ต่อความผิดนั่นเอง ซึ่งหากปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มต้นจากความกลัว และโดยไม่มีที่ท่าที่จะเปลี่ยนไป

                          เป็นความเข้าใจ ความเข้มแข็งของชุมชนจะไม่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ดังนั้น สิ่งที่หน่วยงาน

                          ภาครัฐพึงพิจารณาก็คือ จะมีหนทางเช่นใดที่จะสามารถน าเอาความเชื่อเรื่องวัฒนธรรม “หน่วย

                          เหนือ” มาเป็นต้นทุนในการขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อส่งเสริมชุมชนพลเมืองเข้มแข็งอย่างต่อเนื่องและ

                          มีประสิทธิภาพ


                       กล่าวโดยสรุปได้ว่า กระบวนการส่งเสริมความเป็นพลเมืองนั้น ต้องค่อยๆ ท า ค่อยเป็นค่อยไป อย่าหัก

               ดิบความเชื่อ หรือปรับทัศนคติแบบจู่โจม แต่ควรใช้วิธีการปรับความเชื่อไปในทางที่ถูกต้องอย่างค่อยเป็นค่อย

               ไปแบบธรรมชาติ โดยการสร้างให้เข้าใจถึง “ประโยชน์ที่แท้จริง” ไม่ใช่ “ประโยชน์ผิวเผิน” เพื่อสร้างให้เกิด

               ความตระหนักในการขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อส่งเสริมชุมชนพลเมืองเข้มแข็งได้อย่างจริงจังต่อเนื่อง ผู้วิจัยหวัง

               เป็นอย่างยิ่งว่าตัวแบบการสร้างชุมชนพลเมืองเข้มแข็งที่เสนอนี้ จะพอให้แนวทางส าหรับแก่ผู้ที่สนใจได้ทดลอง

               น าไปปรับใช้และปฏิบัติต่อไป อย่างไรก็ตาม งานวิจัยทางด้านสังคมศาสตร์และชุมชนศึกษาย่อมมีความแตกต่าง

               กันออกไปตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ผลลัพธ์ของปฏิบัติการที่เกิดขึ้นอาจแตกต่างกันออกไปแต่สิ่งที่ได้อย่าง

               แน่นอนคือการต่อยอดความรู้ของกันและกัน






                                                                                                         195
   206   207   208   209   210   211   212   213   214   215   216