Page 6 - kpiebook62006
P. 6

1

                                                        บทคัดย่อ



                        การศึกษาวิจัยนี้ เป็นการศึกษาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเสนอแนะกลไกทางกฎหมายที่

                 เสริมสร้างความเป็นพลเมือง เพื่อท าหน้าที่พลเมืองในขอบเขตตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

                 พุทธศักราช 2560 ศึกษาและเสนอแนะกลไกและมาตรการเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการท าหน้าที่


                 พลเมืองกับการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยใช้วิธีการ

                 ศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพจากการศึกษาวิจัยเอกสาร  โดยผลการศึกษาวิจัยพบว่า

                        1. กรอบความเป็นพลเมือง 6 ประการ อันได้แก่ รับผิดชอบตนเองและพึ่งตนเองได้ เคารพหลักความ

                 เสมอภาค เคารพความแตกต่าง เคารพสิทธิผู้อื่น เคารพกติกา และรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม ส่วนใหญ่

                 มีการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แล้ว เว้นแต่การเคารพหลักความ

                 เสมอภาค ไม่ได้มีการบัญญัติไว้เป็นหน้าที่ของพลเมือง มีเพียงก าหนดให้เป็นสิทธิของบุคคลที่รัฐ และหน่วยงาน

                 ของรัฐต้องเคารพเท่านั้น

                        2. รูปแบบของการก าหนดหน้าที่พลเมืองขั้นพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับสิทธิเสรีภาพในประเทศไทย

                 เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศพบว่ามีความแตกต่างกันอันเนื่องมาจากภูมิหลังและความเป็นมาของแต่ละ

                 ประเทศ การมีองค์กรที่ท าหน้าที่ด้านการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองโดยเฉพาะ และหลักสูตร

                 กระบวนการจัดการเรียนสอนหน้าที่พลเมือง เมื่อพิจารณาถึง “ค่านิยม” ที่ส่งผลต่อของความเป็นพลเมืองใน

                 ประเทศต่าง ๆ พบว่า มี “ค่านิยมร่วม” ที่คล้ายคลึงกันหลายประการ กล่าวคือ การมีความตื่นรู้ ความรับผิดชอบ

                 ต่อตนเองและสังคม การเคารพสิทธิของผู้อื่น และการยอมรับความแตกต่าง ส าหรับ “ค่านิยมต่าง” ที่พบในบาง

                 ประเทศ เช่น การยอมรับในพหุวัฒนธรรม การให้ความส าคัญในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ศีลธรรม และ

                 ขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นต้น


                        3. การก าหนดตัวแบบการท าหน้าที่พลเมืองที่ท าให้การเรียกร้องสิทธิเสรีภาพมีความหมาย ในแง่ระบบ
                 และกลไกระดับประเทศ ได้แก่ สถาบันการเมืองการปกครอง พรรคการเมือง หน่วยงานองค์กรภาครัฐ องค์กร


                 ธุรกิจเอกชน องค์กรไม่แสวงหาก าไร สื่อมวลชน ส่วนระบบและกลไกระดับท้องถิ่น ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน

                 โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา เมื่อพิจารณาถึงหลักสูตรการจัดการศึกษาพบว่าต้องครอบคลุมทั้งจัดการศึกษา

                 ในโรงเรียน/สถาบันการศึกษา และนอกโรงเรียน/สถาบันการศึกษา โดยมีปัจจัยเงื่อนไขที่ท าให้ตัวแบบข้างต้น

                 อาจเป็นรูปแบบที่ประสบความส าเร็จก็ได้ กล่าวคือ 1) พลเมืองมีความรู้ความเข้าใจในระบบการเมืองการ

                 ปกครอง และมีความตื่นรู้ 2) มีองค์กรหน่วยงานขึ้นรับผิดชอบด้านการศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองเป็นการเฉพาะ

                 3) ผู้จัดการศึกษา ครูและผู้บริหารสถานศึกษาตระหนักในหน้าที่ของความเป็นพลเมือง รวมถึงมีองค์ความรู้ใน

                 กระบวนการจัดการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง 4 )  ชุมชนและท้องถิ่นให้ความส าคัญและมีส่วนร่วมใน
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11