Page 246 - kpi23788
P. 246
ผลจากการประชุมและสรุปการทบทวนหลังการปฏิบัติ AAR ของการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน
และฝุ่นละออง 17 จังหวัดภาคเหนือ สามารถสรุปออกเป็น 3 หัวข้อ ประกอบด้วย แนวปฏิบัติที่ดี (Best
Practice) ปัญหาและอุปสรรค และแนวทางแก้ไขในปี 2567 โดยรายละเอียดมีดังนี้
7.1.1 แนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice)
1) การบูรณาการบริหารจัดการ ซึ่งในแต่ละจังหวัดมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการ/ศูนย์อำนวยการ
เช่น ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า (จ.น่าน จ.เพชรบูรณ์ จ.สุโขทัย) การจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันไฟ
ป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ (จ.แม่ฮ่องสอน) การจัดทำข้อบันทึกตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับ
พื้นที่ (จ.เชียงใหม่ จ.เพชรบูรณ์) การบูรณาการระหว่างอำเภอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลงพื้นที่ลาด
ตระเวณ (จ.อุทัยธานี) การจัดชุดลาดตระเวน (จ.เชียงราย) การบริหารจัดการเชื้อเพลิงโดยการควบคุมการเผา
ในพื้นที่ป่าและการจัดทำแนวกันไฟ (จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก) การจัดทำแผนปฏิบัติการตอบโต้สถานการณ์ไฟป่า
(จ.เพชรบูรณ์) การบริหารจัดการวัสดุทางการเกษตร (จ.พิษณุโลก จ.พิจิตร) รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เสี่ยงเพื่อ
ยกระดับการเฝ้าระวัง เช่น โครงการเชียงใหม่โมเดล (จ.เชียงใหม่) ดอยอินทรีย์โมเดล (จ.เชียงราย) สระแก้ว
โมเดล (จ.กำแพงเพชร) เป็นต้น
2) การจัดทำฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนเบื้องต้น ประกอบด้วย การสำรวจผู้
มีอาชีพเก็บหาของป่า (จ.ตาก จ.สุโขทัย) การประเมินพื้นที่เสี่ยงรายสัปดาห์ (จ.แม่ฮ่องสอน) การประเมิน
ปริมาณเชื้อเพลิงชีวมวลจากการเกษตร (จ.นครสวรรค์)
3) การใช้เทคโนโลยีเพื่อบริหารจัดการการเผาในพื้นที่ เช่น การใช้แอพพลิเคชั่น Fire D ของ
จังหวัดเชียงใหม่ และการบริหารจัดการเชื้อเพลิงผ่านแอพพลิเคชั่น Burn Check ในจังหวัดเชียงรายและ
จังหวัดพิจิตร
4) การบังคับใช้กฎหมาย/ระเบียบข้อบังคับต่างๆ เช่น การประกาศปิดป่าอนุรักษ์และป่าสงวน
แห่งชาติ (จ.ตาก) การกำหนดช่วงห้ามเผาเด็ดขาดเพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการห้ามเผา (จ.ตาก, จ.แม่ฮ่องสอน
,จ.พิจิตร) การควบคุมฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดต่างๆ (จ.น่าน,จ.พิษณุโลก) การประกาศเขตภัยพิบัติไฟป่า (จ.
เชียงใหม่) การกำหนดมาตรการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่แหล่งกำเนิด (จ.สุโขทัย) การปฏิญาณตนเพื่อ
ไม่ให้เผาป่า (จ.พิษณุโลก) รวมทั้งการนำพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติจราจรทาง
บกมาบังคับใช้ (จ.พิจิตร)
5) การสร้างองค์ความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพของชุมชนในรูปแบบต่างๆ เช่น การสร้างเครือข่าย
เกษตรกรปลอดการเผาถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพทางการเกษตร การนำเชื้อเพลิงมาใช้ประโยชน์
"ชิงเก็บ ลดเผา" (จ.แม่ฮ่องสอน) การสร้างชุมชนต้นแบบลดการเผา (จ.ลำปาง) การจัดให้มีอาสาสมัครในพื้นที่
(จ.สุโขทัย จ.อตรดิตถ์ จ.พิจิตร) การสร้างเครือข่ายเกษตรปลอดการเผาและอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (จ.ตาก)
การสนับสนุนการจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเข้าสู่ระบบเชื้อเพลิงของโรงงานที่มีการจัดการมลพิษทาง
อากาศ (จ.อุทัยธานี) รวมทั้งการใช้มาตรการในการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันอย่างยั่งยืนทั้งมาตรการป้องกัน
มาตรการเสริมสร้างความเข้าใจ และมาตรการพัฒนาพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน (จ.เชียงราย)
รายงานสรุปสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ปี 2566 โดยใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ 117
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน): สทอภ.