Page 13 - kpi23008
P. 13
12 สยาม - อาทิตยอุทัยในนามประชาธิปก
์
ช่วงที่ 2 สมัยรัตนโกสินทร์ก่อนรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
(พ.ศ. 2311 – 2468)
นับตั้งแต่การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เม่่อ พ.ศ. 2310 ญี่ปุ่นยังคงนโยบาย
ปิดประเทศเร่่อยมา การติดต่อสัมพันธ์ระหว่างประเทศสยามและประเทศญี่ปุ่นจึงขาดช่วง
และไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน จนเม่่อ พ.ศ. 2396 กองทัพเร่อประเทศสหรัฐอเมริกา
นำาโดยพลจัตวาแมทธิว เพอร์รี่ นำาเร่อใบสีดำาถึงน่านนำ้าเอโดะ บังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศ
รับการค้ากับชาติตะวันตก แต่การออกนอกประเทศญี่ปุ่นยังคงผิดกฎหมาย กระทั่ง
พ.ศ. 2411 เกิดการปฏิรูปเมจิ ซึ่งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบการปกครองของญี่ปุ่น
อย่างมาก กล่าวค่อเกิดการรวบอำานาจจากรัฐบาลโชกุนกลับค่นสู่พระจักรพรรดิ
และทำาให้ญี่ปุ่นนำาประเทศเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้พัฒนาอำานาจ
ทางกองกำาลังทหารมากขึ้นตามมา ขณะเดียวกันสยามเองก็ได้เข้าสู่กระแสทุนนิยมโลก
นับตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายใต้สนธิสัญญา เบาริ่ง
จากปัจจัยทางเศรษฐกิจในความต้องการสะสมทุนมาเป็นตัวกำาหนด ทำาให้ต้องปรับตัว
เข้าสู่การรัฐแบบสากลและอิทธิพลของประเทศอังกฤษ ปรับเปลี่ยนจากรัฐจารีตเป็น
รัฐรวมศูนย์หร่อรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ใน พ.ศ. 2411 สยามเปลี่ยนเข้าสู่รัชสมัยของ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งบริบททางการเม่องสมัยนั้นอยู่ท่ามกลาง
การแข่งขัน การล่าอาณานิคมทั้งจักรวรรดินิยมอังกฤษและฝรั่งเศส จึงเห็นได้ว่า
ทั้งสยามและญี่ปุ่นต่างตกอยู่ในกระแสการล่าอาณานิคมของชาติมหาอำานาจตะวันตก
การมองหาพันธมิตรที่เป็นประเทศจากในภูมิภาคเดียวกันในเอเชียจึงมิใช่เร่่องแปลก
การร่้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจึงเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ จากหลักฐาน
“ปฏิญญาว่าด้วยทางพระราชไมตรีและการค้าระหว่างสยามและญี่ปุ่น” ลงนามเม่่อ
วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2430 โดยบทบาทของญี่ปุ่นที่มีต่อสยามครั้งนี้เน้นความสัมพันธ์
ทางการทูตเป็นหลักซึ่งแตกต่างกับกระแสการค้าระหว่างตะวันออก และตะวันตก
ก่อนหน้า นับแต่นั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองก็ได้เพิ่มพูนขึ้นตามลำาดับ
อันปรากฏจากหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ทั้งเอกสารราชการ และเอกชน อาทิ
• หนังส่อสัญญาทางพระราชไมตรีทางการค้าขายและการเดินเร่อ
ในระหว่างกรุงสยามกับกรุงญี่ปุ่น พ.ศ. 2440
9/9/2565 BE 13:09
inside_ _TH.indd 12 9/9/2565 BE 13:09
inside_ _TH.indd 12