Page 27 - 22688_Fulltext
P. 27
1
บทที่ 1
บทน า
1.1 ที่มาและความส าคัญของปัญหา
“เกาะสมุย (Koh Samui)” เป็นหนึ่งในหลายเกาะส าคัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ติดหนึ่งในสามของประเทศไทยรองจากเกาะภูเก็ต (จังหวัดภูเก็ต) และเกาะช้าง
จังหวัดตราด (ที่ว่าการอ าเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี, 2562) ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เกาะสมุยมี
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความงดงาม ล้ าค่า และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลของ
ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ธีร์ เจียศิริพงษ์กุล และคณะ, 2561, น. 35) ส่งผลให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้ง
ชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวที่เกาะสมุยเป็นจ านวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ใน พ.ศ. 2561 ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเกาะสมุยมากถึง 2,237,202 คน (กระทรวง
การท่องเที่ยวและกีฬา, 2562) จนส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาะสมุยสามารถสร้าง
รายได้ให้กับประเทศไทยได้ปีละไม่ต่ ากว่า 12,000 – 18,000 ล้านบาท หรืออยู่ในล าดับที่ 6 ของ
รายได้จากแหล่งท่องเที่ยวทั้งประเทศ (บุญใจ แก้วน้อย, 2558)
ด้วยสภาพความเจริญเติบโตและขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่เกาะสมุยที่เกิดขึ้นมา
อย่างต่อเนื่อง จนเข้ามามีผลกระทบต่อการด าเนินวิถีชีวิตของชาวเกาะสมุย ส่งผลให้ชาวเกาะสมุยมี
การปรับเปลี่ยนรูปแบบการด าเนินวิถีชีวิตที่มีมาแต่ครั้นบรรพบุรุษให้มีความสอดคล้องกับ
ความเจริญเติบโตและการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่เกาะสมุยที่มีการเปลี่ยนแปลงไป
อย่างรวดเร็วและรอบด้าน ทั้งจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นจ านวน
มากในแต่ละปีจนท าให้เกาะสมุยกลายเป็นท าเลทองของการประกอบธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการ
ท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม รีสอร์ท บังกะโล สถานบันเทิง ร้านค้า ธุรกิจน าเที่ยว ฯลฯ ซึ่งสามารถสร้าง
รายได้ให้ชาวเกาะสมุยเฉลี่ยต่อครัวเรือนได้มากกว่า 50,000 บาท/เดือน (ธีร์ เจียศิริพงษ์กุล และคณะ,
2561, น. 36) นับเป็นรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของคนไทยทั่ว
ประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน 26,946 บาท/เดือน และมากกว่ากรุงเทพมหานครที่มีรายได้