Page 175 - kpi19911
P. 175

175


                                      แผ่นดิน

                                                  ราวเดือนมกราคม ปี 2560 ศาลพิพากษายกฟ้องชาวบ้าน 33 คน ใน
                                      ข้อหาบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ โดยชาวบ้านที่เป็นจ าเลยพ้นผิดจากข้อหา
                                      ดังกล่าว เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจ าเลยทั้งหมดบุกรุกที่ดิน
                                      สาธารณะตั้งแต่เมื่อใด แต่ชาวบ้านที่เป็นจ าเลยสามารถหาหลักฐานเอกสารสิทธิ์

                                      ที่ดินที่พิสูจน์ว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะอาศัยอยู่และเพาะปลูกบนที่ดินนั้นได้ มีชาวบ้าน
                                      บางคนเท่านั้นยอมรับผลการพิพากษาดังกล่าว แต่ยังมีชาวบ้านอีกกลุ่มที่แยกตัว
                                      ออกมา 15 คนที่คัดค้านผลการพิพากษาดังกล่าว พวกเขาแย้งว่า เนื่องจากการ
                                      ยอมรับค าตัดสินเบื้องต้นของศาลท าให้เปรียบเสมือนเป็นการยอมรับว่าอาศัยอยู่

                                      บนที่ดินสาธารณะประโยชน์จริง ซึ่งจะกลายเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคดีต่อไป
                                      ในอนาคตที่ล่อแหลมส าหรับชาวบ้านบ้านห้อม ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์
                                      2560 ชาวบ้านเหล่านี้จึงยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 4 (ชาวบ้านที่เห็นต่าง
                                      กับค าพิพากษาแย้งว่า ศาลจังหวัดไม่ควรนิยามที่ดินดังกล่าวว่าเป็นที่ดินสาธารณะ

                                      ประโยชน์ และควรแก้ถ้อยค าตัดสินของศาลด้วย)
                                             ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2561 ศาลจังหวัดนครพนมนัดอ่านค าพิพากษาศาล
                                      อุทธรณ์ภาค 4 คดีบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์โคกภูกระแต ที่อัยการเป็นโจทก์

                                      ยื่นฟ้องประชาชน 29 คน ที่อาศัยบริเวณโคกกระแต (ป่าโนนสูง) บ้านไผ่ล้อม ต.
                                      อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม ข้อหาบุกรุก แผ้วถางป่าที่ดินสาธารณประโยชน์
                                      (ที่ดินที่ทางราชการได้จัดให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน) และปรากฎ
                                      ข้อเท็จจริงว่านับตั้งแต่มีการยื่นอุทธรณ์ จ าเลยที่อยู่ในวัยชราจ านวน 4 คน ได้
                                      เสียชีวิตลงขณะรอการตัดสิน และศาลจะต้องจ าหน่ายชื่อจ าเลยที่เสียชีวิตออกจาก

                                      คดี ก่อนที่จะเปิดเผยผลการพิจารณาคดีได้ จึงมีการเลื่อนนัดฟังค าพิพากษาและอยู่
                                      ระหว่างการรับฟังผลของค าพิพากษาหากทราบค าพิพากษาจะได้ก าหนดแนวทาง
                                      ของกลุ่มชาวบ้านต่อไป

               คู่ขัดแย้งหลักและจุดยืน  กลุ่มชาวบ้านพื้นที่โคกภูกระแต  จุดยืนคือ  อาศัยอยู่ในพื้นที่โคกภูกระแต และไม่
                                      ออกจากพื้นที่เนื่องจากมีสิทธิโดยชอบตามกฎหมาย
                                      ส านักงานปลัดอ าเภอเมืองนครพนม จุดยืนคือ  ให้ออกจากพื้นที่เนื่องจากบุกรุกที่
                                      สาธารณะประโยชน์

               ผู้เกี่ยวข้องอื่น      1.ชาวบ้านต าบลอาจสามารถ อ าเภอเมือง จังหวัดนครพนม
                                      2.เจ้าพนักงานปกครองจังหวัดนครพนม
                                      3.กองอ านวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) จังหวัด

                                      นครพนม
                                      4.ศาลอุทธรณ์ภาค 4 (จังหวัดขอนแก่น)
                                      5.ศาลจังหวัดนครพนม
               ระยะเวลา               มากกว่า 3 ปี (พ.ศ. 2557- พ.ศ. 2561)

               สถานะ                  ก าลังอยู่ระหว่างการแก้ไข (ยื่นฟ้องอุทธรณ์)
               พลวัต                  สถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความขัดแย้งคือ มีการพิพาทกันระหว่างหน่วยงาน
                                      ภาครัฐกับกลุ่มชาวบ้านมีการฟ้องคดีต่อศาล หากผลของค าพิพากษามีผลกระทบ

                                      ต่อชาวบ้าน การแก้ไขปัญหา แนวโน้มการชุมชุมเรียกร้องในระดับที่เข้มข้นหรือ
                                      การยื่นข้อเรียกร้องกลับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆและอาจเกิดปัญหาความขัดแย้ง
                                      ขยายตัวยิ่งขึ้น
   170   171   172   173   174   175   176   177   178   179   180