Page 112 - kpi19910
P. 112
102
ประเด็นขัดแย้ง :
คดีพิพาทการถือครองเอกสารสิทธิ์ที่ดินต าบลถ าน าผุด ของ บริษัท กุ้ยหลินพังงา จ ากัด แจ้ง
ความด าเนินคดีกับชาวบ้าน 4 คน ในข้อหาบุกรุกท าให้เสียทรัพย์ โดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาล
อุทธรณ์ในประเด็นจ าเลยไม่บุกรุกที่ดินพิพาท
ความเป็นมา :
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชาวบ้านไม่บุกรุกที่ดินถ าน าผุด จังหวัดพังงา คดี
พิพาท บริษัท กุ้ยหลินฯ แม้คดีเอกชนชนะคดีอื่นแต่คนละแปลง ไม่ผูกพันกัน ไม่ยกค าร้องขอเข้าร่วม
เป็นโจทก์ร่วมของโจทก์ พบแปลงหนึ่งขายให้ ก.คลัง ท าสถานีขนส่งผู้โดยสาร 29.6 ล. ขณะที่บริษัทฯ
แจงก่อนหน้านี ออกถูกต้อง คดีพิพาทการถือครองเอกสารสิทธิ์ที่ดิน หมู่ 3 ต าบลถ าน าผุด อ าเภอเมือง
พังงา จังหวัดพังงา ของ บริษัท กุ้ยหลินพังงา จ ากัด และเป็นโจทก์ร่วม แจ้งความด าเนินคดีกับ
ชาวบ้าน 4 คน ในข้อหาบุกรุกท าให้เสียทรัพย์ เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ ปี 2555 ศาลชั นต้นพิพากษาจ าคุก
จ าเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2558 ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับเมื่อ
วันที่ 29 สิงหาคม 2559 ว่า หนังสือรับรองการท าประโยชน์ (น.ส.3) 3 แปลง (ฉบับ) ได้แก่ เลขที่ 21,
เลขที่ 142 และ เลขที่ 144 รวมเนื อที่ประมาณ 45 ไร่ ออกไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอน น.ส.3
เอากลับมาเป็นที่ของรัฐหรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ล่าสุดศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาล
อุทธรณ์ในประเด็นจ าเลยไม่บุกรุกที่ดินพิพาท ค าพิพากษาศาลฎีกาพิพากษา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน
2561 สาระส าคัญว่า มีประเด็นต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมว่า จ าเลยทั งสี่กระท า
ความผิดฐานบุกรุกและท าให้เสียทรัพย์ตามค าพิพากษาของศาลชั นต้นหรือไม่ โจทก์และโจทก์ร่วมน า
สืบว่า เมื่อประมาณเดือน ธันวาคม 2554 ถึงกลางเดือนมกราคม 2555 จ าเลยทั งสี่ใช้ตาข่ายสีด าขึงปิด
ล้อมที่ดินของโจทก์ร่วมด้านถนนเทศบ ารุง และ จ าเลยที่ 1 ที่2 น ารถแบ็คโฮไปขุดดินในที่ดินหลังตา
ข่ายเป็นร่องน า ลักษณะกันไม่ให้โจทย์ร่วมเข้าไปในที่ดินและน าป้ายมาติดมีขอความว่า “เป็นที่ดินส่วน
บุคคลห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต” ท าประตูเหล็กด้านหน้าที่ดิน โจทก์ร่วมท าประโยชน์โดยการปลูกต้น
มะพร้าวและต้นจากในที่ดินพิพาท แต่จ าเลยทั งสี่ร่วมกับบุกรุกเข้าไปในที่ดินแล้วก่อสร้างบ้านพัก
แผ้วถางและฟันต้นไม้กับพืชผลอาสินของโจทก์ร่วม ท าให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหาย ส่วนจ าเลยทั งสี่
น าสืบว่าจ าเลยทั งสี่ครอบครองท าประโยชน์ในที่ดินพิพาท ซึ่งต่างแบ่งแยกกันครอบครองโดยปลูกต้น
มะพร้าว ต้นมะม่วงหิมพานต์ ต้นมะม่วง และต้นกล้วย ตั งแต่ประมาณปี 2545 ตลอดมา ต่อมาปี
2548 โจทก์ร่วมขอออกโฉนดที่ดินพิพาท แต่จ าเลยทั งสี่และชาวบ้านคัดค้าน โจทก์ร่วมจึงเจรจากับ
ชาวบ้านเพื่อหาข้อยุติ จ าเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของชาวบ้านและท าบันทึกข้อตกลงโดยมีข้อตกลงว่า
โจทก์ร่วมจะแบ่งที่ดินเนื อที่ประมาณ 16 ไร่ ให้แก่ชาวบ้านที่ครอบครองที่ดิน แต่โจทก์ร่วมไม่ปฏิบัติ
ตามข้อตกลง จ าเลยทั งสี่จึงครอบครองท าประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา ต่อมาวันที่ 26 พฤษภาคม
2555 โจทก์ร่วมน ารถแบ็คโฮไปขุดต้นมะพร้าว ร่องน า และรื อตาข่ายสีด าในที่ดินที่จ าเลยที่ 3 และที่ 4
ครอบครองท าประโยชน์ เห็นว่า โจทก์และโจทก์ร่วมกับจ าเลยทั งสี่ยังน าสืบโต้แย้งสิทธิการครอบครอง
ที่ดินพิพาทกันอยู่ แม้ทางราชการจะออกหนังสือรับรองการท าประโยชน์ (น.ส.3 ) ที่ดินพิพาทเป็นชื่อ
ของโจทก์ แต่ข้อเท็จจริงได้ตามความหนังสือของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา ลงวันที่ 21 มกราคม
2555 ว่าที่ดินพิพาทตั งอยู่ในเขตป่าชายเลน จึงท าให้มีข้อสงสัยว่าที่ดินพิพาท มีการออกหนังสือรับรอง
การท าประโยชน์มาโดยชอบหรือไม่ แม้ศาลฎีกาจะเคยวินิจฉัยว่าการออกหนังสือรับรองการท า