Page 28 - kpi19903
P. 28

2




               นั่ง (ส านักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, 2554a, 2554b, 2556) จากการวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งพบว่า
               พรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดที่อยู่ตอนบนของ

               ประเทศ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้นได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน

               จังหวัดที่อยู่ตอนล่างของประเทศ (Ueranantasun, 2012)
                       การเลือกตั้งครั้งต่อมาเป็นการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2550 ภายใต้การบังคับของรัฐธรรมนูญปี 2550 มี

               สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจ านวน 480 คน แบ่งเป็นแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จ านวน 400 คน เขตละ 1-3 คน

               (ขึ้นอยู่กับขนาดประชากรและสถานภาพความเป็นจังหวัด) เป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบมีผู้แทนได้มากกว่า 1
               คน (Multi-Member District) เช่น บางเขต 2 คน บางเขต 3 คน เป็นต้น และแบบสัดส่วน จ านวน 80 คน

               ซึ่งแบ่งเขตเลือกตั้งของจังหวัดต่าง ๆ เป็นจ านวน 8 กลุ่มจังหวัด (ฐากูร จุลินทร, 2557) ซึ่งการเลือกตั้งดังกล่าว

               นี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรคและสมาชิกพรรครวมกันตั้งพรรคใหม่ชื่อพรรคพลัง
               ประชาชน ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง  ร้อยละ 74.52 ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคพลัง

               ประชาชนได้รับที่นั่งในสภา 233 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้รับที่นั่งในสภา 165 ที่นั่ง ส่วนที่เหลืออีก 82 ที่นั่ง

               เป็นของพรรคการเมือง ขนาดกลางและขนาดเล็ก ในครั้งนี้พรรคพลังประชาชนเสียคะแนนเสียงจากจังหวัดที่
               พรรคไทยรักไทยเคยชนะ 19 จังหวัดในภาคกลาง ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ (Ueranantasun, 2012)

                       การเลือกตั้งครั้งต่อมาเกิดขึ้นหลังจากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใน พ.ศ. 2554 โดยมีจ านวน

               สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 375 คน จากเดิม 400 คน และได้กลับไปใช้ระบบการเลือกตั้ง
               เช่นเดียวกับ พ.ศ. 2540 เป็นระบบที่ผู้ชนะเลือกตั้งคือผู้ได้คะแนนสูงสุดในเขตเลือกตั้ง ซึ่งมีผู้แทนได้เพียง 1

               คน หรือเขตละคน (Single-Member District) และเพิ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วนเป็น 125 คน

               จากเดิม 80 คน นอกจากนี้ ยังมีการกลับมาใช้ชื่อเดิมเช่นเดียวกับ พ.ศ. 2540 คือ แบบสัดส่วนเป็นแบบบัญชี
               รายชื่อ (ฐากูร จุลินทร, 2557) ใน พ.ศ. 2554 มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 75.03 ผลปรากฏว่า พรรคเพื่อไทย

               (หลังจากพรรคพลังประชาชนถูกยุบ สมาชิกพรรคได้รวมกันจัดตั้งพรรคใหม่) ได้รับที่นั่งในสภา จ านวน 265 ที่

               นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้รับที่นั่งในสภา จ านวน 159 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทย 34 ที่นั่ง และพรรคชาติไทยพัฒนา
               19 ที่นั่ง ส่วนที่เหลืออีก 23 ที่นั่งเป็นของพรรคอื่น ๆ จากทั้งหมด 500 ที่นั่ง ซึ่งในครั้งนี้พรรคเพื่อไทยกลับมามี

               คะแนนโดยรวมสูงขึ้น

                       การเลือกตั้งปี 2554 ที่ผ่านมาถือได้ว่าเป็นปีล่าสุดของการได้มาซึ่งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แม้ว่า
               ภายหลังการเลือกตั้งจะเกิดปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกของประชาชนในชาติจนน าไปสู่การยุบสภา

               ผู้แทนราษฎร ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2556 และก าหนดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการ

               ทั่วไป พ.ศ. 2557 ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
               แต่ก็ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบส่งผลให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ในบางจังหวัด ซึ่งต่อมาเดือนมีนาคม ใน

               ปีเดียวกันนั้น ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะ และปัจจุบันประเทศไทยอยู่ภายใต้การ

               ปกครองของคณะรัฐบาลทหาร ซึ่งเป็นการรัฐประหาร โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งแต่เดือน
               พฤษภาคม พ.ศ. 2557 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยุติความขัดแย้งของบ้านเมืองในขณะนั้น
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33