Page 202 - kpi17073
P. 202

การประชุมวิชาการ
                                                                                         สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16   201


                      เหล่านี้เขาได้มีส่วนในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจทางตรง ซึ่งทางอ้อมนั้นผมไม่ค่อยไว้ใจ
                      แล้วเดี๋ยวนี้ ทางตรงคือคนจะใช้สิทธิ์ได้อย่างไร อย่างคราวที่แล้วศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้คนฟ้อง

                      ศาลรัฐธรรมนูญได้เรื่องผิดมาตรา 68 ผมว่าศาลตัดสินถูกเพราะทำให้เรามีสิทธิ์มากขึ้น พอไป
                      ผ่านอัยการ อัยการไม่ฟ้องเราก็ไปไม่รอด เรือ รถดับเพลิง กทม. อัยการไม่ฟ้อง ป.ป.ช.ฟ้อง
                      แล้วตกลงว่าอัยการมีความผิดอะไรหรือไม่ ไม่ได้หาเรื่องใคร แต่ถ้าไม่เอาความจริงมาพูดก็

                      แก้ปัญหาไม่ได้

                      คุณพิษณุ ลี้


                            ในเรื่องอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ามีปัญหาที่ว่า บางครั้งยื่นทางศาลได้บ้าง

                      ยื่นทางอัยการได้บ้าง อย่างนี้มีวิธีการอย่างไรที่จะให้มีอำนาจหน้าที่ให้ชัด แจงรายละเอียดให้ชัดว่า
                      คดีอย่างนี้ต้องยื่นอย่างนี้ แล้วศาลก็ได้ตัดสินถูกต้อง และอีกประเด็นหนึ่งที่ว่า เมื่อตุลาการ
                      ศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงว่า ท่านสมัคร (นายสมัคร สุนทรเวช) ไม่ได้ผิด เป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร


                      คุณวีระ ยี่แพ


                            ประเด็นแรกในเรื่องของอาจารย์ปัทมา ที่มาของ กกต. นั้น เราคงเจอประสบการณ์เดิมว่า
                      มาจากหลายภาคส่วนซึ่งสุดท้ายการเมืองก็แทรกแซง มองว่าท่านเติบโตมาจากระบบศาลท่านก็คง

                      เป็นคนที่ดีพอสมควร ดังนั้นการยอมรับน่าจะดีกว่า ถ้ามาจากหลายภาคส่วนโดยสุดท้ายให้มา
                      ยึดโยงกับประชาชน และวุฒิสภาคัดเลือกกันสองเท่า สุดท้ายก็ได้มาจากนักการเมืองอยู่ดี เพราะ

                      ปัญหาของเราทุกวันนี้เกิดจากจากนักการเมืองทั้งหมด กกต. ก็เป็นเหยื่อตลอด เราอยู่ไม้สุดท้าย
                      อย่างไรเราก็ต้องโดน ไม่ว่าจะหันคูหาออกซึ่งที่อื่นก็ทำกัน สุดท้ายเราก็เป็นเหยื่อ


                            ในส่วนของประเด็นที่สองในกรณีให้ใบเหลืองใบแดงเมื่อ กกต. ชุดแรกให้ใบเหลืองใบแดงได้
                      ก่อนประกาศผลในหนึ่งปี ตอนหลังนี้มีประกาศ กบค. 13-2 บังคับเรา 30 วัน อย่างไรก็ตาม

                      กกต. ไม่สามารถให้ใบเหลืองใบแดงก่อนประกาศผลใน 30 วันอยู่แล้ว ที่ผ่านมานั้นไปศาล
                      ทั้งหมด ไปศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา กรณี ส.ส. ส.ว. ศาลอุทธรณ์ ฉะนั้นที่ผ่านมา การที่ กกต.
                      มีอำนาจกึ่งตุลาการคงไม่ใช่ เพราะว่าไม่ได้ให้เราทำเลยในหลักความเป็นจริง และเมื่อไปศาล

                      อุทธรณ์หลักการพิจารณาต่างกัน กฎหมายเขียนว่าของ กกต. พิจารณาหลักฐานแค่นั้น แต่เมื่อไป
                      ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาท่านพิจารณาจากข้อสงสัย จากนั้นโอกาสที่เราจะจัดการให้ใบเหลือง

                      ใบแดงนั้นน้อยมากเนื่องจากศาลนั้นยกหมด แต่เดิมยกที่ 60:40 ตอนหลังเริ่มเจรจากับศาลได้ว่า
                      ต้องใช้หลักไต่สวน แล้วแค่น่าเชื่อก็ลงได้แล้ว แต่ท่านไม่เคยลงท่านจะลง ตอนนี้เหลือ 50:50
                      แล้วปัญหาเดิมที่เราไปศาลก็คือใช้เวลานานมากถึง 4-5 ปี ฉะนั้นผมไม่เห็นด้วยที่จะให้ศาล

                      ทั้งหมด แต่ถ้าท่านจะให้ศาลจริงๆ ศาลอุทธรณ์ต้องมีการตรวจสอบว่าอุทธรณ์ต้องมีสองชั้นไม่ใช่
                      ชั้นเดียวจบ และศาลตัดสินไม่เหมือนกันในแต่ละภาค คดีเดียวกันการตัดสินในแต่ละภาค

                      ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นจึงควรตั้งเป็นสองศาล ศาลฎีกาก็เหมือนกันไม่ได้เป็นธรรมกับคนถูกฟ้อง
                      เพราะศาลตัดสินไม่เหมือนกัน ท่านสังเกตคำพิพากษาของศาลจะแตกต่างกันในแต่ละภาค                         การประชุมกลุ่มย่อยที่ 1
   197   198   199   200   201   202   203   204   205   206   207