Page 240 - kpi16607
P. 240
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
สำหรับ อบจ. ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัดนั้น มีขีด
ความสามารถด้านงบประมาณสูงกว่าเทศบาลและ อบต. ทั่วไป อีกทั้งมีข้อได้
เปรียบเชิงขนาดพื้นที่ จึงสามารถริเริ่มกิจกรรมด้านพัฒนาเศรษฐกิจขนาดใหญ่
ได้ดีกว่าท้องถิ่นขนาดเล็ก แต่ อบจ. ที่สามารถริเริ่มกิจกรรมในลักษณะได้นั้น
จะต้องได้รับการยอมรับจากท้องถิ่นระดับล่างให้เป็น “ผู้นำ” การพัฒนาท้องถิ่น
ในจังหวัดนั้นๆ เสียก่อน ซึ่งในความเป็นจริงนั้น มี อบจ. เพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับ
การยอมรับให้เป็นผู้นำหรือเป็นแกนหลักของการพัฒนาท้องถิ่นในจังหวัด
สรุปและข้อเสนอแนะ: ก้าวข้ามข้อจำกัดของการกระจายอำนาจ
ในปัจจุบัน
แม้ว่ารัฐไทยเราจะได้กำหนดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐให้มีการกระจาย
232 อำนาจสู่ท้องถิ่นไว้ในรัฐธรรมนูญนับตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา แต่ผลการสำรวจ
ในครั้งนี้ยังบ่งชี้ว่า นักการเมืองและข้าราชการในกระทรวงทบวงกรมต่างๆ
ส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อมั่นว่าระบบบริหารราชการแผ่นดินแบบรวมศูนย์อำนาจที่มี
อยู่ในปัจจุบันจะสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในระดับชาติและระดับ
ท้องถิ่นให้ประสบผลสำเร็จได้ เหมือนดังเช่นที่เคยทำมาแล้วในช่วงกว่าหนึ่งร้อยปี
ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ก็มีแนวโน้มที่จะไม่เชื่อและไม่ไว้วางใจให้องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นองค์กรหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น อีกทั้ง
หวาดระแวงว่าผู้บริหารและข้าราชการพนักงานท้องถิ่นจะใช้อำนาจหน้าที่และ
เงินงบประมาณไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ไม่คุ้มค่า และคอร์รัปชั่นเงินแผ่นดิน
ดังนั้นรัฐบาลหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการปกครองท้องถิ่นจึงตีกรอบให้องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นทำหน้าที่ด้านต่างๆ รวมทั้งด้านการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น
ได้เท่าที่เห็นสมควรเท่านั้น เป็นที่น่าสังเกตว่านับวันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ถูกตีกรอบด้วยระเบียบฯ และการตีความระเบียบ ให้มีขอบเขตอำนาจหน้าที่
แคบลงไปตามลำดับ ในขณะที่หน่วยงานของรัฐส่วนกลางมีขอบเขตอำนาจหน้าที่
ในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นตามลำดับ
สถาบันพระปกเกล้า