Page 92 - kpi15860
P. 92
0 1
ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและไม่มีแบบแผน เกิดปัญหาการรุกล้ำคูเมือง – กำแพงเมือง ก่อให้เกิด
ความเสียหายแก่โบราณสถาน และเกิดชุมชนแออัดที่มีความหนาแน่นทรุดโทรมและขาดการพัฒนา
เกิดความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ และปัญหาความยากจนที่รุนแรงขึ้น รวมทั้งความไม่เท่า
เทียมในการเข้าถึงบริการพื้นฐาน ทำให้ประชาชนที่ยากจนที่อพยพเข้าเมืองไม่สามารถมีที่อยู่อาศัยที่
มั่นคงและถูกต้องตามกฎหมาย โอกาสสร้างความมั่นคงในการตั้งถิ่นฐานและการมีชีวิตของ
ครอบครัวเป็นไปตามยถากรรม ทำให้เกิดปัญหาคุณภาพชีวิตต่ำ
เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดได้ร่วมกับการเคหะแห่งชาติ สหกรณ์จังหวัดร้อยเอ็ด สถาบันพัฒนา
องค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และธนารักษ์พื้นที่ร้อยเอ็ด จัดตั้งโครงการย้ายชุมชน/จัดหาที่อยู่
ใหม่ให้ผู้บุกรุกคูเมือง-กำแพงเมืองร้อยเอ็ด และที่สาธารณะ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนใน
เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ยึดหลักการทำงานแบบมีส่วนร่วมทั้งจากเจ้าหน้าที่ภายในเทศบาล ชุมชนให้ดีขึ้น และปรับคืนสภาพคูเมือง – กำแพงเมืองซึ่งเป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัด
รวมถึงประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน ทำให้เกิดภาคีเครือข่ายการทำงาน ร้อยเอ็ดที่เสื่อมโทรมให้กลับมาเป็นโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงเป็นพื้นที่สีเขียวในเขต
จากทุกภาคส่วน ทุกระดับ ที่ร่วมกันคิด ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาชุมชน เทศบาล
ท้องถิ่น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ทำให้ปัจจุบันภาคีเครือข่ายใน ในการดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คูเมือง – กำแพงเมือง เทศบาลดำเนินงานที่ท้าทาย
พื้นที่เขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดมีความเข้มแข็งและหลากหลาย เช่น เครือข่ายสุขภาพ เครือข่าย อย่างยิ่งคือ การย้ายชุมชน ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 – 2539 คณะดำเนินงาน
ประชาชน เครือข่ายกลุ่มอาชีพ เครือข่ายการศึกษา เครือข่ายสวัสดิการ ทุกเครือข่ายมีสมาชิกจาก ได้พยายามที่จะย้ายประชาชนผู้บุกรุกคูเมือง–กำแพงเมืองไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่แต่ไม่ได้รับการ
ภาครัฐ เอกชนและประชาสังคม มีการกำหนดโครงสร้างและการบริหารจัดการของเครือข่ายที่ ยอมรับจากประชาชนผู้บุกรุก โดยมีเหตุผลว่าที่ดินที่จะให้ไปอยู่ไกลเกินไป ไม่สามารถเข้ามา
ชัดเจน อีกทั้งยังมีการประสานเครือข่ายสามารถช่วยแก้ไขและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นได้อย่างเป็น ประกอบอาชีพในเมืองได้อย่างสะดวก ทำให้ต้องระงับการดำเนินการไป
องค์รวมและมีความเป็นเอกภาพ อันจะนำไปสู่ความอยู่ดีมีสุขของประชาชนอย่างยั่งยืน
ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2542 ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกคูเมือง –
สำหรับนวัตกรรมและการดำเนินงานที่เป็นเลิศที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเลิศ กำแพงเมืองร้อยเอ็ด ขึ้น และทำการสำรวจข้อมูลผู้บุกรุกซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 250 ครัวเรือน โดยได้
ด้านการเสริมสร้างเครือข่ายรัฐ เอกชน และประชาสังคม ของ เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ได้แก่ จัดประชาคมเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้แสดงความคิดเห็นร่วมกัน จากนั้นคณะอนุกรรมการ
โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คูเมือง – กำแพงเมือง เพื่อคุณภาพชีวิต จัดหาพื้นที่รองรับประชาชนได้ดำเนินการจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมที่จะรองรับประชาชนผู้บุกรุก คือ
ชาวร้อยเอ็ด บริเวณโรงต้มสุราเก่า ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ พื้นที่ 23 ไร่เศษ อยู่เขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด โดยพื้นที่
นั้นมีที่ตั้งอยู่ไม่ไกลเมือง ประชาชนผู้ย้ายไปสามารถเข้ามาประกอบอาชีพในเมืองได้สะดวก และ
จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของภาค ขนาดที่ดินมีความเหมาะสมและเพียงพอกับจำนวนผู้บุกรุก และสามารถดำเนินการขยายระบบ
ตะวันออกเฉียงเหนือมาแต่โบราณ ลักษณะที่คงเหลือและมองเห็นได้จนถึงปัจจุบัน คือ แนว สาธารณูปโภค คือ ไฟฟ้าและน้ำประปาได้ทันที
คลองน้ำรอบเมืองและกำแพงเมืองรอบตัวเมือง แต่เนื่องจากปัจจุบันเมืองมีความเจริญขึ้น ทำให้
ประชาชนในชนบทซึ่งมีฐานะยากจนอพยพเข้ามาหางานทำในเมืองมากขึ้น เกิดการสร้างชุมชนเมือง ในพื้นที่ใหม่ได้มีการจัดระบบการบริหารที่อยู่อาศัย โดยที่ดินทั้งหมด 23 ไร่เศษ แบ่งออก
เป็นพื้นที่ปลูกสร้างบ้าน 250 แปลงๆ ละ 21 ตารางวา ส่วนที่เหลือจัดให้เป็นศูนย์บริการ
รางวัลพระปกเกล้าทองคำ’ 57 รางวัลพระปกเกล้าทองคำ’ 57