Page 34 - kpi12821

ฤาเสียงของประชาชนจะมีความหมายในการจัดทำงบประมาณของ อบต.?

1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

ฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 ได้จำแนกการสิ้นสุดลง
รัของพรรคการเมืองออกเป็น 3 ลักษณะอันได้แก่ (1) การสิ้นสภาพ

พรรคการเมือง ซึ่งเป็นกรณีที่พรรคการเมืองมิได้ดำเนินการตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการ
ดำรงสถานะพรรคการเมือง เช่น การไม่ส่งสมาชิกพรรคลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในการ
เลือกตั้งทั่วไปสองครั้งติดต่อกันหรือเป็นเวลาแปดปีติดต่อกัน หรือการไม่เรียกประชุม
ใหญ่พรรคการเมืองหรือไม่มีการดำเนินกิจกรรมใดๆ ทางการเมืองเป็นระยะเวลาติดต่อ
กันเกินหนึ่งปี โดยไม่มีเหตุอันสมควร (2) การเลิกพรรคการเมือง ซึ่งเป็นกรณีที่มีเหตุ

ต้องเลิกพรรคตามข้อบังคับพรรคการเมืองหรือมีการควบรวมพรรคการเมือง และ
(3) การยุบพรรคการเมือง ซึ่งโดยหลักจะเป็นกรณีที่พรรคการเมืองกระทำผิดกฎหมาย
ร้ายแรงเช่น กระทำการล้มล้างการปกครองหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย

โดยกฎหมายพรรคการเมืองได้กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุ กระบวนการและผลทาง
กฎหมายของการสิ้นสุดลงของพรรคการเมืองทั้ง 3 ลักษณะดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะ

ในทางทฤษฎี การสิ้นสุดลงของพรรคการเมืองในลักษณะที่ (1) และ (3) จัดว่า

อยู่ในกลุ่มเดียวกันเพราะเป็นการใช้อำนาจรัฐเพื่อสลายความเป็นพรรคการเมืองโดยที่
สมาชิกของพรรคการเมืองดังกล่าวมิได้สมัครใจ ดังเช่นที่เรียกกันในตำราของ
ต่างประเทศว่า Forced Closure หรือ Involuntary Dissolution

ในงานวิจัยฉบับนี้ หากมิได้มีข้อความระบุไว้เป็นอย่างอื่น ผู้วิจัยจะเรียกการสิ้นสุด
ลงของพรรคการเมืองในลักษณะที่ (1) การสิ้นสภาพ และ (3) การยุบพรรครวมกันว่า
“การยุบพรรคการเมือง” เช่นที่ใช้เป็นชื่องานวิจัยฉบับนี้ “แนวทางปรับปรุงกฎหมาย
เกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง” เพื่อให้สั้น กระชับ และสะดวกแก่การอธิบาย

ส่วนการสิ้นสุดลงของพรรคการเมืองในลักษณะที่ (2) การเลิกพรรคการเมือง หรือ
Voluntary Closure/ Dissolution นั้น เกิดขึ้นโดยความสมัครใจของบรรดาสมาชิก
พรรค ทั้งที่มีการกำหนดเหตุแห่งการเลิกพรรคไว้ล่วงหน้าในข้อบังคับพรรค หรือสมาชิก