Page 34 - kpi11530
P. 34
คำพิพากษา“ใน”คดีปกครองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สอง ของกฎหมายดังกล่าวบัญญัติให้ เมื่อมีกรณีสงสัยว่าสมาชิกภาพของ
สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลผู้ใดสิ้นสุดลง ให้นายอำเภอ
สอบสวนและวินิจฉัยโดยเร็ว คำวินิจฉัยของนายอำเภอให้เป็นที่สุด ดังนั้น
หน้าที่ในการตรวจสอบและวินิจฉัยกรณีดังกล่าวจึงเป็นหน้าที่ของ
นายอำเภอท้องที่ที่องค์การบริหารส่วนตำบลนั้นตั้งอยู่ น.ส.ขวัญใจ ผู้ฟ้อง
คดีในฐานะเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลย่อมมีส่วนเกี่ยวข้อง
และมีสิทธิที่จะขอให้นายอำเภอสอบสวนและวินิจฉัย หากไม่เห็นด้วยกับ
คำวินิจฉัยของนายอำเภอก็ย่อมนำคดีมาฟ้องต่อศาลได้ แต่ น.ส.ขวัญใจ
ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือแจ้งให้นายอำเภอวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๘
มิถุนายน ๒๕๔๔ และนายอำเภอได้มีหนังสือแจ้งผลการวินิจฉัยให้ผู้ฟ้อง
คดีทราบเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๔ ผู้ฟ้องคดีได้นำคดีมาฟ้องศาล
ปกครองเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๔ อันเป็นการฟ้องคดีก่อนที่นายอำเภอ
จะแจ้งผลการวินิจฉัยให้ผู้ฟ้องคดีทราบ ดังนั้น ถือได้ว่าขณะฟ้องคดี
ผู้ฟ้องคดียังไม่มีข้อพิพาทกับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ วันที่พ้นจากตำแหน่ง
ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี คือวันที่ตนเป็น
ปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนั้น ผู้ฟ้องคดียังไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ต่อศาลได้ ผู้มีส่วนได้เสียตามที่
อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลจึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณา
และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความในเรื่องนี้ทางอำเภอได้วินิจฉัย กฎหมายห้ามไว้
ว่าการที่องค์การบริหารส่วนตำบลทำสัญญากับภรรยาประธานองค์การ เช่น วันที่ทำสัญญา
บริหารส่วนตำบล ซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรส ยังถือไม่ได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้ รับเหมาก่อสร้างกับ
เสียกับองค์การบริหารส่วนตำบลทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ศาลปกครอง องค์กรปกครอง
กลางยังไม่มีคำพิพากษาในประเด็นนี้ว่า การเป็นผู้มีส่วนได้เสียทั้งทางตรง ส่วนท้องถิ่นนั้น
และทางอ้อม อันจะมีผลให้ขาดคุณสมบัติพ้นจากการเป็นสมาชิกสภา
องค์การบริหารส่วนตำบลเป็นอย่างไร เพราะ น.ส.ขวัญใจ มายื่นฟ้องเป็น
คดีนี้ก่อนที่นายอำเภอจะมีคำวินิจฉัย
การพ้นจากตำแหน่งของสมาชิกสภาท้องถิ่น