Page 180 - kpi11530
P. 180
คำพิพากษา“ใน”คดีปกครองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
๗ สิงหาคม ๒๕๔๖ อุทธรณ์คำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ต่อประธานคณะ
กรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดเพชรบุรีแต่ยังไม่ทราบผลการ
พิจารณา นายเอ็นนูได้ไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองขอให้เพิกถอน
คำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ดังกล่าว ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง
ไว้พิจารณา นายเอ็นนูได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำวินิจฉัยว่า ประกาศคณะกรรมการ
พนักงานส่วนตำบลจังหวัดเพชรบุรี เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการ
สอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และ
ร้องทุกข์ลงวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๕ หมวด ๔ สิทธิการอุทธรณ์และการ
เมื่อถูกลงโทษ พิจารณาอุทธรณ์ ส่วนที่ ๑ สิทธิการอุทธรณ์ ข้อ ๑๑๓ และข้อ ๑๑๔
ทางวินัยต้องมีการ กำหนดให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และร้องทุกข์พิจารณาวินิจฉัย
ยื่นอุทธรณ์ อุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสืออุทธรณ์ แต่
และคณะกรรมการ หากมีความจำเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว
พิจารณาอุทธรณ์ ให้ขยายระยะเวลาได้อีกสองครั้งๆ ละไม่เกินสามสิบวัน แล้วจึงเสนอเรื่อง
และร้องทุกข์ได้วินิจฉัย พร้อมความเห็นไปยังคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลเพื่อพิจารณาและ
เมื่อพิจารณามีมติอย่างใดแล้วให้ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหาร
หรือพ้นระยะเวลา ส่วนตำบลสั่งหรือปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายเอ็นนู
ที่กฎหมายให้ไว้ ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๔๕ อุทธรณ์คำสั่งลงโทษ
แต่คณะกรรมการฯ ภาคทัณฑ์ผู้ฟ้องคดีต่อคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์และร้อง
ยังวินิจฉัยไม่เสร็จ ทุกข์ไม่ปรากฏว่าได้มีการสั่งการตามกฎหมาย แต่นายเอ็นนูผู้ฟ้องคดีได้
จึงจะมีสิทธิฟ้องคดี นำคดีนี้มาฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๕ จึง
ต่อศาลปกครอง ยังไม่พ้นระยะเวลาเก้าสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัย
อุทธรณ์และร้องทุกข์พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ซึ่งเป็นขั้นตอนหรือวิธีการ
สำหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายไว้โดยเฉพาะตามเงื่อนไข
ก่อนนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แห่งพระราช
บัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
วินัย