Page 5 - kpi10607
P. 5
ฝ่าวิกฤต สร้างโอกาส บทบาทท้องถิ่นไทย
แนะนำสถาบันพระปกเกล้า
สถาบันพระปกเกล้า
จากองค์ราชันย์สู่สถาบันพระปกเกล้า
“ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎร
โดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด เพื่อใช้
อำนาจนั้นโดยสิทธิขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร”
วามดังกล่าวข้างต้นเป็นข้อความจากลายพระราชหัตถเลขาทรงสละราชสมบัติ ลงวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.
ค2477 ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งแสดงให้เห็นน้ำพระทัย
ประชาธิปไตยขององค์ปฐมบรมกษัตริย์ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกให้แก่ปวงชนชาวไทย
นับตั้งแต่เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 7 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อวันที่ 25
กุมภาพันธ์ พ.ศ.2467 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงเตรียมการวางรากฐานการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตย ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติอย่างจริงจัง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสันติสุขสถาพร
ในวโรกาสครบรอบ 100 ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 ศาสตราจารย์มารุต บุนนาค ประธานรัฐสภาใน
ขณะนั้น จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสถาบันพัฒนาประชาธิปไตย จนในที่สุด
จึงได้มีการจัดตั้งสถาบันพัฒนาประชาธิปไตยขึ้นชื่อว่า “สถาบันพระปกเกล้า” โดยได้รับพระราชทานพระบรม
ราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เชิญพระนามพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นชื่อ
สถาบันและใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “King Prajadhipok’s Institute” และมีคณะกรรมการสถาบันพระปกเกล้า
และคณะกรรมการวิชาการสถาบันพระปกเกล้า เป็นผู้ดูแล
ต่อมาในปี 2540 คณะกรรมการสถาบันพระปกเกล้า เห็นว่าควรจะมีการปรับปรุงสถานภาพและ
โครงสร้างสถาบันพระปกเกล้า ให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จึงได้แต่งตั้ง
คณะกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระปกเกล้า และเสนอต่อรัฐสภา ซึ่งที่ประชุมรัฐสภาได้มีมติเห็น
ชอบและได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2541 จึงมีผลให้สถาบันพระปกเกล้า มีฐานะ
เป็นนิติบุคคลในการกำกับดูแลของประธานรัฐสภา นับตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2541 เป็นต้นมา