Page 286 - kpiebook67015
        P. 286
     3. ประธานคณะกรรมการชุมชนในเขตเทศบาลเมืองลำพูน ให้ความร่วมมือในการ
             ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร รวมถึงการพิจารณาให้ความเห็นในฐานะเจ้าของพื้นที่ที่มีฌาปนสถาน
             ตั้งอยู่
                   4. วัดบ้านหลวย ให้คำแนะนำในด้านศาสนพิธีโดยการสวดศพจะมีเพียงพระ
             วัดบ้านหลวย 1 รูป ที่เข้ามาดำเนินการสวดอภิธรรมภายในระยะเวลาที่กำหนด
                   โครงการนี้ มีผลการดำเนินการ ดังนี้
                   1. จากการดำเนินงานดังกล่าวพบว่า ในปี พ.ศ. 2564-2565 มีจำนวนศพผู้เสียชีวิต
             ด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ที่ได้นำมาฌาปนกิจ จำนวนทั้งสิ้น 149 ราย
             โดยเป็นศพในเขตเพียง 18 ราย และนอกเขต จำนวน 131 ราย โดยพบว่า ผู้เสียชีวิตทุกราย
             ทั้งในเขตและนอกเขตเทศบาลเมืองลำพูน ได้รับการฌาปนกิจศพอย่างทั่วถึง เท่าเทียม
             ครอบคลุม มีความเสมอภาคและไม่เลือกปฏิบัติ
                   2. สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการฌาปนกิจศพ ถึงรายละ 3,000 บาท
             เมื่อเปรียบกับการฌาปนกิจศพปกติทั่วไป รวมทั้งไม่พบการติดเชื้อของบุคลากร และที่สำคัญ
             อย่างยิ่งคือ ผลการประเมินความพึงพอใจสำหรับการดำเนินงานอยู่ในระดับมากขึ้นไปทุกราย
             และไม่พบ ข้อร้องเรียนจากประชาชนแต่อย่างใดความยั่งยืนของกิจกรรม เมื่อผู้ป่วยที่เสียชีวิต
             ด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 มีแนวโน้มลดลง ประกอบกับรัฐบาลไทย
             ได้ประกาศยกเลิกโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาจากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องระวัง
             ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา ส่งผลให้ในทุกพื้นที่ของจังหวัดลำพูนนั้นสามารถ
             ทำการฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตดังกล่าวโดยใช้ฌาปนสถานของแต่ละพื้นที่ได้ และปัจจุบัน
             บันไดสวรรค์ที่ฌาปนสถานบ้านหลวยได้ถูกนำมาใช้ในการฌาปนกิจศพของผู้เสียชีวิตด้วย
             โรคทั่วไปอย่างต่อเนื่อง โดยเทศบาลเมืองลำพูนได้ให้ความอนุเคราะห์ในการนำการณาปนกิจ
             ศพทารกที่เสียชีวิตจากการทำแท้งจากโรงพยาบาลลำพูน ศพผู้ป่วยไร้ญาติและศพผู้ยากไร้
             อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือประชาชนด้วยจิตอันเป็นกุศล ภายใต้แนวคิดที่ว่า
             “ทุกคนเกิดอย่างมีคุณค่า และตายอย่างมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน”
                                                                             รางวัลพระปกเกล้า’ 66
     	
