Page 129 - kpiebook67015
P. 129
1
ก่อนเข้าร่วมโครงการผู้ประกอบการมีรายได้เฉลี่ย 25,000 บาท/เดือน และหลังเข้าร่วม
โครงการมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 45,000 บาท/เดือน และยังส่งผลให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ
(Value Chain) ไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มคนทำผ้า กลุ่มยาริงบาติก (พิมพ์ผ้า)
กลุ่มปักมือลาวาลงเวง (ปักผ้า) ร้านจำปา (จำหน่ายวัตถุดิบ) ร้านอาหามะ ร้านอาบาดี
(ลงสีผ้า) ร้านน้องแพง (ตัดเย็บ) เป็นต้น สร้างโอกาสและรายได้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ
และเครือข่ายธุรกิจ สร้างความเข้มแข็งจากการรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน
และร่วมกำหนดมาตรฐานของสินค้าให้มีคุณภาพโดยจะมีการรับรองตราสัญลักษณ์ แบรนด์
PAKAIAN MELAYU ให้กับผลิตภัณฑ์ที่จะจำหน่าย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ทั้งนี้
ผลสัมฤทธิ์ของที่เกิดจากการดำเนินโครงการ มีดังนี้
1. ประชาชนและเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้ร่วมส่งเสริม อนุรักษ์ และพัฒนาภูมิปัญญา
ท้องถิ่นให้คงอยู่
2. เปิดพื้นที่ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบเครื่องแต่งกาย สามารถสร้างสรรค์
ผลงานผ้าร่วมสมัย ผ้าลายท้องถิ่น และผ้าลายพระราชทานให้มีอัตลักษณ์
ความเป็นเมืองยะลา ตลอดจนมีเวทีแสดงออกถึงความสามารถด้านการออกแบบ
เครื่องแต่งกายที่ทันสมัย
3. สามารถนำความรู้ที่ได้รับทางวัฒนธรรมท้องถิ่นมาประยุกต์ผสมผสาน
ให้มีความร่วมสมัย สร้างคุณค่าทางสังคม
4. สามารถเพิ่มช่องทางการตลาด ขยายกลุ่มเป้าหมายให้ผู้ประกอบการในพื้นที่
สร้างโอกาสในการต่อยอดพัฒนาธุรกิจ
ความโดดเด่น เป็นเลิศ หรือแตกต่างจากที่อื่นอย่างไร หรือหากเป็นโครงการที่เคย
ดำเนินการมาแล้ว มีการต่อยอดจากปีก่อนๆ ที่นำเสนอไปอย่างไร
โครงการนวัตกรรม PAKAIAN MELAYU สร้างแบรนด์ไทย สู่เวทีโลก เป็นโครงการ
ใหม่ของเทศบาลนครยะลา เป็นการดึงแนวคิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ถ่ายทอดผ่านรากเหง้า
ทางวัฒนธรรม อัตลักษณ์ผ้าพื้นเมืองและวิถีชีวิตท้องถิ่น สร้างสรรค์เป็นผลงานที่มีอัตลักษณ์
นำไปสู่การสร้างแบรนด์ และเพิ่มมูลค่าแฟชั่นมลายูสู่สากล ด้วยความร่วมมือระหว่าง
ภาคีเครือข่ายทางวัฒนธรรมในคาบสมุทรมลายู 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้เมืองยะลาเป็นศูนย์กลาง
แฟชั่นเครื่องแต่งกายมลายู (HUB) การสร้างองค์ความรู้ด้านผ้ามลายู ผ่านการจัดกิจกรรม
รางวัลพระปกเกล้า’ 66