Page 8 - kpiebook65071
P. 8
7
กรณีความเป็นไปได้ที่ผู้ให้บริการระบบสืบค้นข้อมูลออนไลน์จะให้บริการสืบค้น
และแสดงผลการค้นหาแก่ผู้ใช้งานซึ่งอยู่ในประเทศไทย แต่ผู้ให้บริการดังกล่าว
อาจมีสถานที่ประกอบตั้งอยู่ในต่างประเทศ และอาจเป็นไปได้ที่กฎหมาย
ในประเทศที่ผู้ให้บริการระบบสืบค้นข้อมูลออนไลน์นั้นไม่ได้รับรองและคุ้มครอง
สิทธิที่จะถูกลืมในระดับที่เท่าเทียมกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ของประเทศไทย
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของผู้ให้บริการสืบค้น
ข้อมูลออนไลน์ และเพื่อรองรับข้อเท็จจริงที่ว่าการสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิด
ของคนในสังคมนั้นเกิดขึ้นในโลกดิจิทัลมากขึ้น งานวิจัยนี้จึงเสนอให้เพิ่มเติม
ค�าว่า “สิทธิที่จะถูกลืม” ในมาตรา 33 และมาตรา 37 (3) ของพระราชบัญญัติ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 การแก้ไขกฎหมายตามข้อเสนอดังกล่าว
จะช่วยให้เกิดความชัดเจนว่าหากผู้ให้บริการสืบค้นข้อมูลได้ดำาเนินการ
นำาเอาข้อมูลส่วนบุคคลออกจากการแสดงผลการค้นหาแล้วก็ย่อมถือได้ว่า
ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว โดยไม่ต้องดำาเนินการเพื่อลบหรือทำาลายข้อมูล
และเมื่อผู้ให้บริการสืบค้นข้อมูลได้ดำาเนินการนำาข้อมูลส่วนบุคคลออกจาก
การแสดงข้อมูลแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายแล้วโดยไม่ต้องกังวลว่า
จะมีความรับผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
เนื่องจากการฝ่าฝืนกฎหมาย
นอกจากนี้ งานวิจัยนี้ยังเสนอให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคลอาจประกาศก�าหนดหลักเกณฑ์ในการลบหรือท�าลาย หรือท�าให้
ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูล
ส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่งก็ได้ตามมาตรา 33 วรรคท้ายของพระราชบัญญัติ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 การออกกฎหมายล�าดับรอง
(หรือแนวปฏิบัติ) ดังกล่าวอาจดำาเนินการโดยอาศัยแนวปฏิบัติของต่างประเทศ