Page 82 - kpiebook63032
P. 82
81
ผู้สมัครคนที่ 4 มีการเอื้ออำานวยและสร้างข้อได้เปรียบในการหาเสียงให้กับพรรคของรัฐบาล
เช่น มีข้อห้ามในเรื่องของการใช้สถานที่ปราศรัย แต่พรรคตรงข้ามสามารถทำาได้ มีการใช้เงินคงคลังเพื่อ
ซื้อเสียงประชาชนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการกระทำาตามอำาเภอใจเปรียบเป็นการหาเสียงซื้อเสียง
ล่วงหน้าไว้แล้ว หรือแม้แต่ในขณะนี้ก็มีการซื้อเสียงแล้วในพื้นที่ แต่ตนไม่ได้กังวลหนักใจต่อท่าทีใดๆ
ของรัฐบาล เพราะมองว่าจะขึ้นอยู่กับประชาชนอย่างแน่นอน และพบว่ามีการติดตามจากทหารและ
หน่วยงานสันติบาลในเวลาไปปราศรัย
ประเด็นในเรื่องของกลุ่มอ�ำนำจเก่ำที่มีกำรย้ำยพรรค เปลี่ยนขั้วทำงกำรเมือง
ผู้สมัครคนที่ 1 การย้ายพรรคในครั้งนี้มีปัจจัยในเรื่องของเงิน อำานาจ และธุรกิจ รวมถึงเงื่อนไข
อื่นๆ ที่สนับสนุนให้เกิดการย้ายพรรค มีประเด็นในเรื่องของการกระจายงบประมาณลงมาสู่พื้นที่ เกิดผล
ประโยชน์ทับซ้อนในกลุ่มผลประโยชน์ด้วยกันเอง รวมถึงประเด็นของความเป็นอิสระที่สะสมจากสภาพ
แรงกดดันภายใน ทำาให้การย้ายพรรคในครั้งนี้ของกลุ่มอำานาจเก่ามีข้อพิพาทกันนำามาสู่การต่อสู้ทาง
การเมืองในครั้งนี้แบบคนละขั้ว
ผู้สมัครคนที่ 2 การย้ายพรรคในครั้งนี้แม้จะเกิดการเมือง 2 ขั้ว แต่เป็นการเกิดขึ้นจากการตกลง
ยินยอม หรือการ “ฮั้วอำานาจทางการเมือง” เพราะแม้จะย้ายพรรค ประชาชนยังคงจะเลือกที่ตัวบุคคล
มากกว่าพรรคที่สังกัด
ผู้สมัครคนที่ 3 การย้ายพรรคเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทั้งทางการเมืองและทางธุรกิจ และ
การขัดกันทางผลประโยชน์ ซึ่งมองว่าเป็นเกมทางการเมือง เพราะการแยกกันลงคนละพรรค ซึ่งอยู่กัน
คนละขั้วอำานาจ หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เป็นรัฐบาล คนในตระกูลก็ย่อมจะได้เข้าไปทำางานในฝ่ายรัฐบาล
อยู่ดี เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่อีกแง่หนึ่งก็อาจจะเกิดการขัดแย้งกันจริงเพราะมีการ
ปราศรัยโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างจริงจัง
ผู้สมัครคนที่ 4 เปิดใจถึงการย้ายพรรคการเมืองของคนในตระกูล โดยยอมรับว่าหลานทั้งสองคน
ไม่ได้เข้ามาขอที่จะออกจากพรรคเดิมและสังกัดของลุง และไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำาไมถึงออกจากตนและ
ไปลงสมัครในนามพรรคตรงข้าม ซึ่งตนยอมรับว่าเสียใจเพราะปลุกปั้นมาในสนามการเมืองตั้งแต่เริ่มต้น
และมีการบอกกล่าวต่อหลานว่าในอดีตได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง หากครั้งนี้ยังอยู่ด้วยกัน
คงจะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอย่างแน่นอน