Page 116 - kpiebook63030
P. 116
115
เป็นหมื่น ชนะขาด ได้ยกพรรค กับคุณอิสมาแอล เบญอิบรอฮีม 2 คน ครั้งที่ยากที่สุด คือ ครั้งที่ 3
ปี 2554 เพราะว่า 1. ภูมิใจไทยคุมกระทรวงมหาดไทย แล้วใช้กลไกทั้งหมดในมือ ใช้เงินทุนในมือสูงมาก
ครั้งที่สู้กับคุณอรุณ ซึ่งเป็นรองนายกอบต. ทุกอย่างมี Full package หมด คนที่เป็นผู้ว่า รองนายก
นายอ�าเภอ เดินสายให้กับผู้สมัครที่เป็นผุ้แทนอื่น แม้แต่เลขาศอ.บต.ในตอนนั้นก็ยังเดินให้คนอื่นที่เป็น
คู่แข่งผมด้วย ที่ไม่ใช่ผม เพราะว่ามหาดไทยอยู่ข้างบน
การเลือกตั้งในครั้งนี้ก็ยาก แต่ว่ายากกันคนละแบบ คือ ผมประเมินไม่ได้ โดยการเลือกตั้ง
3 ครั้งที่ผ่านที่ไม่ใช่ครั้งนี้ ทุกครั้งคะแนนของผมจะถูกบอกแก่พรรค 5-7 วันก่อนเลือกตั้ง และเมื่อมา
บวกลบ (การเลือกตั้งแบบแบ่งเขต) คะแนนของผมจะสูงหรือต�่าไม่เคยเกิน 200 คะแนน นอกจากตอน
เป็นพวง คะแนนคลาดเคลื่อนจากที่คาดไว้ 400 คะแนน แต่ส�าหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ มันประเมินไม่ได้
นี่คือความยาก ด้วยคู่แข่งที่มีจ�านวนมาก และด้วยวิธีการ ปัจจัยในการเลือกก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ส�าหรับ
กลยุทธ์ในการเลือกตั้งในครั้งนี้ ผมประเมินถูกหมดตั้งแต่วันแรกว่าคู่แข่งผมคือ พรรคประชาชาติ
แต่คนอื่นกลับมองว่าเป็นคนอื่นด้วยเหตุผลต่างๆ” (สัมภาษณ์ นายอันวาร์ สาและ, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดปัตตานี เขตการเลือกตั้งที่ 1, วันที่ 12 กรกฎาคม 2562)
สำาหรับยุทธศาสตร์หลักของผู้สมัครที่ได้รับการเลือกตั้งครั้งนี้คือ “ก่อนอื่นต้องวิเคราะห์ตัวเอง
ก่อน อย่าลืมว่าผมเป็นนักการตลาด ฉะนั้น concept ทุกอย่างที่คุณเห็นบนตัวผม คือสิ่งที่เป็นจุดแข็ง
ของผม ผมก็ใช้ทุกอย่างที่เป็นจุดแข็งของผม สมัยแรกที่ผมสู้กับคุณไวโรจน์ สู้กับคุณเด่น ถามว่าผมสู้
กับเขา ผมมีอะไรดี ผมไม่มีอะไรดีเลย แต่ผมมีจุดแข็ง ทุกอย่างมันมาจากการที่วาง concept ก่อน
ผมดู product ก่อน ผมคือ product ตัวหนึ่ง ผมมองว่าคนที่ลงเป็นมุสลิมทุกคน แต่สิ่งที่แตกต่างกัน
ระหว่างคนมุสลิมทุกคนโดยที่ชาวบ้านไม่ต้องรับข้อมูลอะไรเลย แต่สามารถท�าให้แตกต่างได้ มีอย่างหนึ่ง
มุสลิมทุกคนแตกต่างกับผม แม้แต่คุณเด่นก็แตกต่างกับผม โดยวิธีเดินมีหลายอย่าง แต่มีผู้ใหญ่
กลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่รู้จักกับผมมาพูดกับคนแถวบ้านว่า “กูไม่รู้จักหรอกว่ามันเป็นใคร ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี
แต่รู้อยู่อย่างเดียวที่สายตาสัมผัส คือ สัญลักษณ์ของความเป็นมุสลิมบนใบหน้า”
วิธีที่ผมหาเสียง เนื่องจากว่าครอบครัวของผมทะเลาะกันในหมู่เครือญาติ พ่อทะเลาะกับอา
แต่ก็ไม่ได้ทะเลาะกับคนนอก ทะเลาะด้วยญาติกันเอง เพราะญาติเป็นหมู่คนที่เข้มแข็ง จึงสามารถที่
จะต่อสู้กันได้ แต่วันที่เขาเรียกให้ผมลง ผมบอกพ่อให้เรียกญาติพ่อทุกคนมารวมญาติกันทั้งหมดที่บ้าน
แล้วพูดว่า “จะให้ลง ส.ส.เอาไหม” ผมดีอย่างหนึ่ง คือ ญาติฝั่งไหนก็ตามแต่ ผมไม่ทะเลาะเลย พ่อทะเลาะ
แต่ผมไม่ทะเลาะ เขาดีกับผมหมด ผมถามทุกคนว่า “เห็นด้วยไหม” ทุกคนตอบ “เห็นด้วย” โดยญาติผม
ทะเลาะกันรุนแรงมาก มีเรื่องเดียวที่ไม่ท�า คือ ยิงกันตาย นอกนั้นทุกอย่างทั้งการขัดขวางต่างๆ ซึ่งญาติ
ที่ทะเลาะไม่คุยกันมานานเป็นสิบปี ก็เห็นด้วย ดังนั้นผมจึงบอกว่า ผมท�าด้วยตัวเองจะไม่ชนะ ถ้าจะให้
ชนะต้องร่วมมือกัน คนที่ไม่คุยกันมานาน ทะเลาะรุนแรง เมื่อมาจับมือกันก็ร้องไห้ ผมบอกว่า ผมไม่รู้ว่า
ผมจะชนะหรือไม่ แต่วันนี้ที่ผมได้ เงินซื้อไม่ได้ ผมชนะแล้ว แล้วผมก็เอาอันนี้แหละไปกับผมด้วย
ในวันที่ผมพูด จากเหตุการณ์นี้ วันนี้ผมขอให้เป็นหนึ่งเดียว ทุกคนเลือกก�านัน เลือกผู้ใหญ่บ้าน