Page 130 - kpiebook63029
P. 130
129
ชนะคู่แข่งด้วยคะแนนเสียง 59,145 คะแนน ทิ้งห่างจากลำาดับ 2 ถึง 44,436 คะแนน เช่นเดียวกับ
การเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้เขตเลือกตั้งที่ 2 จะได้รับความสนใจมากขึ้นเพราะเป็นการแข่งขันระหว่างตระกูล
ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเลยระหว่างตระกูลทิมสุวรรณโดยมีนายศรัณย์ ลงสมัครในสังกัดพรรคเพื่อไทย และ
ตระกูลเร่งสมบูรณ์สุข โดยมีนางเปล่งมณี ลงสมัครในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ที่ทั้งคู่ต่างมีฐานเสียง
สำาคัญในเขตอำาเภอวังสะพุง แต่ผลการเลือกตั้งในภาพรวมยังไม่เกินความคาดหมาย เพราะนายศรัณย์
สามารถเอาชนะนางเปล่งมณีด้วยคะแนนเสียงมากถึง 55,514 คะแนน ขณะที่นางเปล่งมณีได้เพียง
31,105 คะแนนเท่านั้น ซึ่งต่างกัน 24,409 คะแนน ผลคะแนนดังกล่าวสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่า ตระกูล
ทิมสุวรรณและพรรคเพื่อไทยยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในเขตเลือกตั้งที่ 2 แม้จะนายศรัณย์จะไม่เคย
มีประสบการณ์ทางการเมืองเลยและตลอดระยะเวลา 5 ปี หลังการรัฐประหารในปี 2557 พรรคเพื่อไทย
ก็ไม่ได้มีบทบาททางการเมือง เนื่องจากถูกจำากัดการทำากิจกรรมทางการเมือง อีกทั้ง พรรคเพื่อไทย
ยังมีคู่แข่งซึ่งเคยเป็นอดีต ส.ส. จากตระกูลเร่งสมบูรณ์สุขที่อยู่ในสนามการเมืองของจังหวัดเลยมาอย่าง
ยาวนานก็ตาม
นอกจากการอาศัยบารมีของตระกูลทิมสุวรรณของนายศรัณย์แล้ว จุดเด่นของนายศรัณย์ คือ
การเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ สำาเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยลำาดับต้นๆ ของประเทศ แม้เขาจะไม่เคย
หาเสียงมาก่อนและปราศรัยไม่เก่ง แต่อาศัยการเดินเท้าลงพื้นที่พบปะประชาชนด้วยกริยาที่นุ่มนวลก็เป็น
ส่วนหนึ่งที่ทำาให้นายศรัณย์ถูกใจในสายตาชาวบ้าน ซึ่งประชาชนคนหนึ่งกล่าวถึงนายศรัณย์ขณะลงพื้นที่
หาเสียงว่า “เคยเห็นนายศรัณย์เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ไม่รู้จัก เห็นแต่ป้ายหาเสียงว่าเป็นนามสกุล
ทิมสุวรรณ ไม่คิดว่าอายุจะยังน้อย เพราะนักการเมืองส่วนใหญ่ก็มีแต่อายุมากๆ ส่วนตัวก็อยากได้
คนรุ่นใหม่ไฟแรง มีแนวความคิดใหม่ๆ มาพัฒนาบ้านเมือง จังหวัดเลยบ้าง” (สัมภาษณ์ วันที่ 26 พฤษภาคม
2562) ขณะที่ประชาชนอีกคนหนึ่งได้กล่าวถึงลักษณะท่าทางการหาเสียงของนายศรัณย์ว่า “ดูเหมือน
เขาพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ พูดนุ่มนวล แต่ดูมีความตั้งใจดี เขาก็เล่านโยบายให้ฟังว่าจะทำาอะไร เราก็ชอบนะ
รู้สึกใกล้ชิดชาวบ้าน จะได้มารับฟังปัญหา ส่วนคนอื่นไม่ค่อยเห็นลงพื้นที่เลย เห็นแต่รถหาเสียงมา
วิ่งไปวิ่งมา” (สัมภาษณ์ วันที่ 26 พฤษภาคม 2562)
ประการที่ 2 การเปลี่ยนแปลงพรรคการเมืองและความนิยมที่ลดลงของเปล่งมณีและเร่งสมบูรณ์สุข
การเปลี่ยนแปลงพรรคการเมืองจากพรรคเพื่อไทยไปพรรคพลังประชารัฐเป็นปัจจัยหลักที่ส่ง
ผลต่อคะแนนการเลือกตั้งของนางเปล่งมณีไปในทางลบไม่ต่างจากเขตเลือกตั้งอื่นๆ แม้ว่านางเปล่งมณี
จะเคยเป็นอดีต ส.ส. มาหลายสมัย มีประสบการณ์ทางการเมือง รู้จักพื้นที่มากกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ก็ตาม
และเมื่อพิจารณาผลการเลือกตั้ง ส.ส. ในปี 2554 พบว่า นางเปล่งมณีชนะนายสิทธิชัย สิทธิรัตน์ ผู้สมัคร
จากพรรคภูมิใจไทย ห่างกันเพียง 701 คะแนนเท่านั้น ขณะที่คะแนนการเลือกตั้ง ส.ส. บัญชีรายชื่อของ
พรรคเพื่อไทยชนะพรรคการเมืองอื่นอย่างถล่มทลาย สะท้อนว่า คะแนนนิยมของนางเปล่งมณีลดลง