Page 40 - kpiebook63020
P. 40
สำหรับแผนการต่อยอดโครงการนี้ เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดวางแผนจะพัฒนารูปแบบ
กิจกรรมการคัดแยกขยะต้นทางแล้วนำไปขยายสู่ชุมชนทุกชุมชน รวมถึงส่วนราชการและ
ภาคเอกชนด้วย เพื่อทำให้ปริมาณขยะที่ผลิตต่อวันลดลง และพัฒนาระบบจัดการขยะ
ในสถานีกำจัดขยะให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการจัดหาเครื่องอำนวยความสะดวก
ในการทำงาน เช่น รถยกของ รถแทรกเตอร์ ฯลฯ รวมถึงสร้างคลังสำหรับเก็บเชื้อเพลง RDF
ที่ปลอดภัยด้วย
โครงการบริหารพื้นที่บุกรุกเพื่อบริการสา าร ะ
โครงการบริหารพื้นที่บุกรุกเพื่อบริการสาธารณะ เป็นโครงการต่อยอดที่เทศบาลเมือง
ร้อยเอ็ดเคยส่งเข้าประกวดรางวัลพระปกเกล้า ประจำปี พ.ศ. 2562 ดำเนินการตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2536 ถึง 2562 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 2.7 ล้านบาท
โครงการนี้เกิดจากปัญหาการบุกรุกพื้นที่โบราณสถานบริเวณคลองคูเมือง-กำแพงเมือง
ร้อยเอ็ด โดยประชาชนจากเขตชนบทและพื้นที่ใกล้เคียงที่เข้ามาสร้างที่อยู่อาศัยในบริเวณ
ดังกล่าวจนกลายเป็นชุมชนแออัด ส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ทั้งปัญหาด้านสาธารณสุข
ความเหลื่อมล้ำ อาชญากรรม และยาเสพติด รวมถึงความเสื่อมโทรมของโบราณสถาน
ทำให้เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องริเริ่มโครงการนี้เพื่อพัฒนาคุณภาพ
ชีวิตของประชาชนในชุมชนแออัด และปรับปรุง-ฟื้นฟูพื้นที่โบราณสถาน
สำหรับพื้นที่คูและกำแพงเมืองร้อยเอ็ด มีเนื้อที่ประมาณ 895 ไร่ ได้รับการขึ้น
ทะเบียนจากกรมศิลปากรให้เป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2537 พื้นที่นี้มีความ
สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมือง ทั้งในแง่ตำนานของเมืองและที่มาของชื่อเมือง “ร้อยเอ็ด”
ความพยายามแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่คูและกำแพงเมืองร้อยเอ็ดเกิดขึ้นครั้งแรกช่วงปี
พ.ศ. 2536-2539 โดยจังหวัดร้อยเอ็ดนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้นพยายามย้าย
ประชาชนในเขตบุกรุกไปอยู่ในพื้นที่ใหม่ แต่ถูกประชาชนกลุ่มดังกล่าวคัดค้านจนต้องล้มเลิก
โครงการไป ต่อมาในปี พ.ศ. 2542 คณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน มีรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ได้สั่งแต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหานี้อีกครั้ง โดยมีรัฐมนตรี
ช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอนุรักษ์ จุรีมาศ) เป็นประธาน โดยคราวนี้
ตั้งคณะอนุกรรมการสองคณะที่สะท้อนภารกิจที่ชัดเจนในการแก้ปัญหานี้ ได้แก่
คณะอนุกรรมการสำรวจข้อมูลประชาชนผู้บุกรุก มีนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ดเป็นประธาน
รางวัลพระปกเกล้า 63