Page 99 - kpiebook62014
P. 99

พัฒนการของการด าเนินกิจกรรมที่ผ่านมา ทั้งเรื่องของการจัดเวทีประกาศเจตนารมณ์ การจัดเวทีประชุมเชิง

               ปฏิบัติการในระดับชุมชน ซึ่งได้ผลในระดับหนึ่งใน อย่างไรก็ตาม ความส าเร็จของการท ากิจกรรมนี้จะเกิดขึ้น
               ได้ก็ด้วยการด าเนินโครงการอย่างต่อเนื่องจริงจัง  แต่ด้วยเงื่อนไขเรื่องระยะทาง ของหน่วยงานสนับสนุนอย่าง

               สถาบันพระปกเกล้า ที่ไม่สามารถขับเคลื่อนกิจกรรมอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันผู้น าชุมชนก็มีภารกิจมากมาย

               จึงไม่อาจทุ่มเทให้กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ได้ ดังนั้นการมีกลุ่มจิตอาสาที่รับผิดชอบกิจกรรมนี้และรณรงค์
               กิจกรรมนี้โดยตรงอยางต่อเนื่องจึงจะเป็นหนทางที่ดี่ที่สุด จึงเป็นที่มาของการจัดเวทีค้นหาจิตอาสาพัฒนาชุมชน

               ปอภารในวันนี้

                       ผลการจัดเวทีค้นหาจิตอาสาพัฒนาปอภาร พบว่าผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่รับฟัง สิ่งที่ผู้วิจัยกล่าว

               อย่างไรก็ตามในช่วงของการรับสมัครจิตอาสานั้นพบว่า มีเพียงคนเดียวที่ยกมือจากจ านวนผู้เข้าร่วมประชุมใน
               วันนั้นกว่า 300 คน เมื่อผู้วิจัยไล่เรียงขานชื่อหมู่บ้านไปทีละหมู่บ้านเริ่มตั้งแต่หมู่ที่ 1 จนถึงหมู่ที่ 14 อีกครั้ง จึง

               เริ่มมีผู้ที่ยกมือแสดงตัวเป็นอาสาสมัครเพิ่มมากขึ้น โดยสรุปจ านวนผู้ที่สมัครใจเข้าเป็นอาสาสมัครด าเนิน

               กิจกรรมส่งเสริมการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงในการประชุมครั้งนี้ทั้งสิ้น 10 คน แบ่งเป็น

               หมู่ที่ 2 จ านวน 1 คน หมู่ที่ 4 จ านวน 1 คน  หมู่ที่ 8 จ านวน 2 คน หมู่ที่ 10 จ านวน 4 คน และ หมู่ที่ 14 จ านวน 2
               คน อย่างไรก็ตาม ก่อนปิดการประชุมผู้วิจัยได้เปิดโอกาสให้มีผู้ที่สนใจส่งรายชื่อมายังผู้ใหญ่บ้านเพื่อร่วมเป็นจิต

               อาสาเพิ่มเติมได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 จนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นเวลา 2 อาทิตย์ dkiขยายเวลา

               เปิดรับสมัครในครั้งนี้ มีผู้สนใจสมัครเข้าเป็นจิตอาสาเพิ่มเติมอยู่บ้าง ส่งผลให้มีจิตอาสาเพื่อพัฒนาปอภาร
               เข้มแข็งมีจ านวนทั้งสิ้น 23 คน (รายชื่อในภาคผนวก) ประกอบด้วย หมู่ที่ 2 จ านวน 7 คน หมี่ที่ 3 จ านวน 2 คน

               หมู่ที่ 5 จ านวน 2 คน

                       ข้อสังเกตประการหนึ่งคือ การที่มีผู้สมัครเป็นจิตอาส นั้นเริ่มยกมือมากขึ้นเมื่อผู้ใหญ่บ้านกระตุ้นให้มี
               การยกมือ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจว่าผู้น ามีอิทิพลต่อการตัดสินในของคนในชุมชนอย่างมีนัยส าคัญ กระนั้น

               หลายหมู่บ้านแม้ผู้น าจะกระตุ้นให้มีการยกมือสมัครเป็นจิตอาสาแต่ปรากฎว่าไม่มีใครยกมือสมัครเลย ดังนั้นจึง

               สรุปได้ว่า ผู้ที่สมัครใจเป็นจิตอาสาพัฒนาปอภารเข้มแข็งในกิจกรรมเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียง
               นี้มีความสมัครใจและเป็นจิตอาสาอย่างแท้จริง

                       ส าหรับจิตอาสาที่สมัครในครั้งนี้พบว่า มีจิตอาสาจากหมู่ที่ 2 เป็นจ านวนมากที่สุด ทั้งนี้ผู้วิจัยคาดว่าอาจ

               เป็นเพราะ หมู่ที่ 2 ก าลังจะมีการเลือกผู้ใหญ่บ้านเกิดขึ้น และเป็นพื้นที่ที่ผู้วิจัยได้คัดเลือกเป็นพื้นที่ปฏิบัติการ

               ทดลองกิจกรรมส่งเสริมการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงในครั้งนี้ ความน่าสนใจอีกประการคือ
               จิตอาสาที่ เข้าร่วมกิจกรรมจากหมู่ที่ 2 นั้นมีจ านวน 5 คนเป็นอย่างน้อยที่จะลงสมัครและเป็นทีมงานของผู้สมัคร

               เป็นผู้ใหญ่บ้านในครั้งนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจเป็นเหตุผลอย่างส าคัญที่ผลักดันให้หมู่ที่ 2 มีจิตอาสาเข้าร่วม

               กิจกรรมมากกว่าหมู่อื่นๆโดยช่วงเวลาที่ผ่านมาในการจัดสนทนากลุ่ม พบว่ากลุ่มจิตอาสาจากหมู่ที่ 2 ได้พยายาม




                                                                                                           90
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104