Page 82 - kpi23788
P. 82

Conflict Mapping Thailand phase 5
                                                                                                              72



                         4.2.2.3 สรุปและข้อเสนอแนะะแนวทางการแก้ปัญหาการเผาในที่โล่ง กรณีจังหวัดเชียงใหม่และ
                  เชียงราย

                                Conflict ฝุ่น PM 2.5 การเผาในที่แจ้ง จังหวัดเชียงใหม่  และจังหวัดเชียงราย หรืออาจ

                  หมายถึงพื้นที่อื่น ๆในประเทศไทย คือ“ความขัดแย้งเชิงโครงสร้างสังคม” ที่มีมากกว่าความขัดแย้งเฉพาะตัว
                  ปัญหาความขัดแย้งนี้เกิดจากการด าเนินชีวิตตามวิถีชีวิตแบบที่เคยปฏิบัติกันมาในการท ามาหากินของผู้คน
                  ซึ่งแต่ก่อนนนี้รัฐก็ไม่เคยมองถึงปัญหานี้ จนเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป การท ามาหากินตามวิถีชีวิตแบบเดิม ๆ
                  กลายเป็นสิ่งที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นรัฐจึงจ าเป็นต้องสร้างการรับรู้ใหม่ให้แก่คนกลุ่มดังกล่าว

                  ตลอดจนรัฐก็ต้องมีมาตรการทางสังคม ทางกฎหมายใหม่ๆ เพื่อให้ผู้คนหรือประชาชนกลุ่มนั้นสามารถมีคุณภาพ
                  ชีวิตที่ดี และอยู่ได้ในสังคมปัจจุบันด้วย การเปลี่ยนแปลงนี้แม้อาจต้องใช้เวลา งบประมาณ แต่หากท าได้ ก็จะ
                  เปลี่ยนแปลงบริบททางสังคม ค่านิยมหรือสิ่งอื่น ๆ ตามมาอีกไม่น้อย ดังเช่นที่รัฐเคยท าได้ในสมัยนโยบายให้เลิก
                  ปลูกฝิ่น หรือการท าไรเลื่อนลอย


                                จากสถิติพื้นที่ที่ถูกเผาในที่โล่งที่ลดลงทุกปี ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ท าเกษตร พื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่

                  อยู่อาศัย ในพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์ใน 3 ลักษณะนี้ พื้นที่ที่อยู่อาศัยจะมีพัฒนาการเกิดจุดความร้อนและพื้นที่ที่ถูก
                  เผามากที่สุด รองลงมาคือพื้นที่ท าการเกษตร และพื้นที่ป่า อาจพิจารณาง่ายๆ ว่า พื้นที่ห่างจากชุมชนอาศัย
                  มนุษย์เท่าใด พื้นที่นั้นก็จะเกิดปัญหาการเผาในที่โล่งมากเท่านั้น และหากจะสรุปความส าเร็จของการแก้ปัญหา

                  เกี่ยวกับการเผาในที่โล่งก็คงกล่าวได้ว่ามาตรการต่าง ๆ ที่รัฐใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาการเผาในที่ชุมชนนั้นถูกต้อง
                  และมาถูกทางแล้ว จากนี้เป็นการที่รัฐต้องด าเนินการปฏิบัติตามมาตรการที่กระท ามาแล้วอย่างสม่ าเสมอและ
                  ต่อเนื่อง ก็น่าจะเพียงพอต่อการควบคุมปัญหาในพื้นที่อยู่อาศัยแล้ว

                                แต่ส าหรับการเผาในพื้นที่ท าเกษตร และพื้นที่ป่าไม้แม้จะมีจ านวนพื้นที่ถูกเผาที่ลดลง แต่ก็ยัง
                  เป็นปัญหาที่กระทบต่อวิกฤติการณ์ฝุ่นควัน PM2.5 อยู่ เนื่องจากการแก้ปัญหาในสองพื้นที่นี้ควรจะมาจาก

                  การแก้ปัญหาเชิงนโยบาย และการแก้ปัญหาโดยหน่วยงงานต้องมีวินัยในการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ อย่าง
                  เคร่งครัด โดยรวมในการบริหารจัดการแก้ไขในสถานการณ์เมื่อเกิดการเผาในที่โล่ง ได้แก่ การค้นหาจุดที่เกิด
                  การเผา และการเข้าไปดับไฟ ถือได้ว่ากระบวนการท างานของรัฐปฏิบัติได้ค่อนข้างจะเร็วพอสมควร เว้นแต่มี
                  กรณีฉุกเฉินก็จะมีกลไกการท างานรองรับอยู่แล้ว

                         นอกจากนี้แล้ว การที่ภาครัฐจ าเป็นต้องท างานร่วมกับภาคประชาสังคมที่เข้มแข็งในพื้นที่อย่างเป็น

                  เนื้อเดียวกัน เพื่อการแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 อย่างลงลึกในพื้นที่ทั้งแนววดิ่งและแนวระนาบ เช่นในจังหวัด
                  เชียงใหม่ต้องท างานขับเคลื่อนกับ สภาลมหายใจเชียงใหม่  เป็นองค์กรภาคประชาสังคม  จัดตั้งขึ้นมาในเดือน
                  กันยายน  2562  เพื่อรณรงค์และร่วมมือกับทุกภาคส่วนหาทางแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในจังหวัดเชียงใหม่ที่มี
                  ปัญหาต่อเนื่องยาวนานกว่า 15 ปี   โดยสภาฯ มีองค์ประกอบที่หลากหลาย  เช่น  นักวิชาการ  ข้าราชการ

                  ศิลปิน  สื่อมวลชน  นักการเมือง  นักธุรกิจ  ภาคเอกชน  นักพัฒนา  ตัวแทนภาคประชาชน  ก านัน  ผู้ใหญ่บ้าน
                  ผู้แทนสภาองค์กรชุมชนต าบล  ฯลฯ   โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สังคมมีอากาศสะอาดทุกฤดูกาล  ภายใต้แนวคิด
                  “เรามีลมหายใจเดียวกัน”  (ธีรวัฒน์ รังแก้ว, 2564)





                                                              -72-
   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87