Page 45 - kpi22350
P. 45
แผนภาพที่ 1- 15 แสดงภาพรวมบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการจัดการวิกฤติโควิด-19
รายงานสถานการณ์
ส่วนที่ 1 บทสำรวจว่าด้วยบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการจัดการวิกฤติท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19
ที่มา: คณะผู้จัดทำ
4.2.1 การป้องกันและเฝ้าระวังการระบาดของโควิด-19 ในชุมชน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทยถือว่าเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่มีบทบาทในการจัดการวิกฤติ
โควิด-19 ในหลายมิติ โดยเฉพาะมิติด้านการสาธารณสุขชุมชนซึ่งมีความสำคัญมากในสถานการณ์เช่นนี้
เพราะการสาธารณสุขชุมชนเป็นการเข้าไปจัดการกับสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชนในชุมชน
โดยตรง ซึ่งอาจเป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ ดังนั้นสิ่งที่เรามักพบเห็นบทบาทของ
ท้องถิ่นบ่อยครั้ง นั่นก็คือ การป้องกันและเฝ้าระวังโรคระบาดในชุมชน เช่น การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันโรค
เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชน การฉีดพ่นฆ่าเชื้อในที่สาธารณะ การจัดหาสถานที่พักคอย/โรงพยาบาลสนาม
รวมไปถึงการปรับบทบาทของบุคลากรท้องถิ่นให้ทำงานเชิงรุกในชุมชน
ผลการสำรวจครั้งนี้ได้ยืนยันให้เห็นว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่วนใหญ่มีบทบาท
อย่างมากในการป้องกันและเฝ้าระวังการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในชุมชนมากถึงร้อยละ 71.27 ของ
กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด โดยเทศบาลนครเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีบทบาทในการป้องกันและเฝ้าระวัง
การแพร่ระบาดในชุมชนอย่างโดดเด่นมากที่สุด มีค่าคะแนนเฉลี่ยมากถึงร้อยละ 91.67 ของกลุ่มตัวอย่าง
ทั้งหมด ถัดมาเป็นเทศบาลเมืองที่มีบทบาทโดดเด่นรองลงมา มีค่าคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 76.97 ของ
กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีบทบาทอยู่ในระดับค่อนข้างมากนั้น คือ เทศบาล
ตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งมีค่าคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 69.23 และ 62.77 ตามลำดับ
นอกจากนี้ยังมีองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ถือว่ามีบทบาทในการป้องกันและเฝ้าระวังการระบาดของไวรัส
เช่นเดียวกัน หากแต่ผลการสำรวจพบว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดมีบทบาทอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น
มีค่าคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับน้อยที่สุด นั่นคือร้อยละ 55.70 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด
ข้อสังเกตประการหนึ่งพบว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 1 มักเกิดการแพร่ระบาด
ในพื้นที่เขตเมืองหรือเขตเทศบาลเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่พื้นที่เขตชนบทหรือองค์การบริหารส่วนตำบลนั้น
พบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่มากนัก ส่งผลให้เทศบาลจะต้องมีบทบาทค่อนข้างมากในการจัดการกับ
34 สถาบันพระปกเกล้า