Page 39 - kpi22350
P. 39
ก่อนจะพาผู้อ่านทุกท่านไปดูผลสำรวจจะขอเกริ่นถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ระลอกที่ 1 กันก่อนพบว่า การระบาดของโควิด-19 ในระลอกแรกนั้นประเทศไทยสามารถควบคุม
รายงานสถานการณ์ สถานการณ์ได้เป็นอย่างดี สามารถควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อให้อยู่ในระดับต่ำจนเหลือเพียงศูนย์รายได้ภายใน
เดือนพฤษภาคม 2563 โดยปัจจัยสำเร็จในครั้งนี้มาจากหลายประการ คือ (1) ความตื่นตัวในการรับมือกับ
เชื้อไวรัสโควิด-19 ของทุกภาคส่วนในสังคม (2) การยกระดับมาตรการควบคุมโรคติดต่อขั้นสูงสุดของ
หน่วยงานภาครัฐ (3) การทำงานอย่างหนักของบุคลากรด่านหน้าทุกภาคส่วน เช่น แพทย์ สาธารณสุข อสม.
และภาคประชาสังคมในพื้นที่ในการร่วมมือกันป้องกันระงับยับยั้งเชื้อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปในวงกว้าง
ได้อย่างทันท่วงที และ (4) การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกแรกเป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่มี
ส่วนที่ 1 บทสำรวจว่าด้วยบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการจัดการวิกฤติท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19
การกลายพันธุ์ ทำให้การแพร่ระบาดจึงไม่รุนแรงมากนักหากเทียบกับการระบาดระลอกอื่นๆ ดังนั้นแล้ว
ด้วยปัจจัยความสำเร็จต่างๆ ที่กล่าวมานี้ได้ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่สามารถควบคุมการระบาด
ของโควิด-19 ระลอกที่ 1 ได้เป็นอย่างดีจนได้รับการยอมรับในระดับโลก
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่เราจะศึกษาสำรวจบทบาทขององค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นกับการจัดการวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 1 โดยจะศึกษาว่าองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นไทยมีบทบาทในการจัดการวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 1 อย่างไรบ้าง?
แล้ววิกฤติโรคระบาดในครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากน้อยแค่ไหน? และท้ายที่สุด
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีการเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตหรือไม่? ดังนั้น
จากประเด็นคำถามทั้งหมดเหล่านี้ผู้เขียนจะชวนทุกท่านมาหาคำตอบจากการสำรวจครั้งนี้ไปพร้อมกัน
ผลสำรวจบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการจัดการวิกฤติโควิด-19 ในภาพรวม ได้ยืนยัน
ให้เห็นว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่วนใหญ่มีบทบาทมากในการจัดการวิกฤติการแพร่ะระบาดของ
โควิด-19 ระลอกที่ 1 ถึงร้อยละ 99.60 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เมื่อเทียบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพียงร้อยละ 0.40 เท่านั้น ที่ระบุว่า ไม่ได้มีบทบาทในการจัดการวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้เลย โดยเมื่อ
พิจารณาในรายละเอียดประเภทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็พบว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด
เทศบาลนคร และเทศบาลเมือง ระบุว่า ได้มีบทบาทมากในการจัดการวิกฤติโควิด-19 ในพื้นที่ถึงร้อยละ 100
ของกลุ่มตัวอย่าง ขณะที่เทศบาลตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล ได้ระบุว่า มีบทบาทมากเช่นเดียวกัน
มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 99.52 และ 99.58 ของกลุ่มตัวอย่างตามลำดับ สำหรับสาเหตุสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่มีบทบาทมากกว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กก็เพราะว่า
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 1 เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักในเขตเมือง จึงทำให้องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นที่มีพื้นที่อยู่ในเขตเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่จะต้องมีบทบาทมากขึ้น
ในการป้องกันการระบาดของโรค ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กเองก็มีบทบาทในการป้องกัน
การแพร่ระบาดเช่นเดียวกัน หากแต่มีบทบาทน้อยกว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ เพราะมีพื้นที่
ขนาดเล็กและในบางพื้นที่ไม่มีการระบาดของโรคโควิด-19 หรือมีการระบาดน้อยจึงทำให้องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นขนาดเล็ก เช่น เทศบาลตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล สามารถป้องกันการแพร่ระบาดในพื้นที่
ได้อย่างทั่วถึง
28 สถาบันพระปกเกล้า