Page 8 - kpi19912
P. 8

บทที่ 1

                                                         บทน า


                   ความเป็นมาและความส าคัญของปัญหา

                          ความขัดแย้งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติทั้งในระดับบุคคล องค์กร ชุมชน และสังคมทั้งใน
                   ประเทศและต่างประเทศตลอดจนระหว่างประเทศ ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนา แต่ก็เป็น
                   สิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง สังคมไทยตั้งแต่อดีตกาลก็ต้องเผชิญกับความขัดแย้งของคนในสังคมเรื่อยมา

                   และสภาพความขัดแย้งนั้นก็ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ท าให้เกิดความ
                   ขัดแย้งมาจาก “อ านาจรัฐ” เป็นตัวขับเคลื่อนสังคมในการด าเนินยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ  ซึ่ง
                   โดยทั่วไปแล้ว การด าเนินโครงการที่เกิดขึ้นตามแนวนโยบายพัฒนาประเทศของรัฐนั้นมักมีลักษณะ

                   ของ การจัดการรูปแบบเดิมๆ ที่มักจะใช้การตัดสินใจจากเบื้องบน  โอกาสที่ประชาชนมามีส่วนร่วมจึง
                   มีน้อยหรือไม่มีเลย  (วันชัย วัฒนศัพท์, 2547)
                          จากการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่แผนฉบับที่ 1
                   (พ.ศ.2504  – 2509)   ซึ่งเน้นการพัฒนาตามแนวคิดเศรษฐกิจหลักที่มุ่งผลก าไรตามแนวคิดทุนนิยม

                   จนท าให้เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจขึ้นในปี พ.ศ. 2540    ได้สะท้อนถึงความไม่สมดุลของกระบวนการ
                   พัฒนาประเทศ ประกอบกับการที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและกระแสโลกาภิวัตน์ ที่ท า
                   ให้เกิดโลกไร้พรมแดน ด้วยความเปลี่ยน แปลงทางเทคโนโลยี  ภาวะความเป็นเมือง และพฤติกรรม
                   การบริโภคนิยมแบบโลกตะวันตก ท าให้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนในชุมชน ปัจจัยดังกล่าว  จะ

                   เป็นภัยคุกคาม หากชุมชนขาดความรอบรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน  อาจเป็น
                   โอกาสในการพัฒนาชุมชนได้ หากชุมชนสามารถปรับตัวและใช้ประโยชน์จากบริบทการเปลี่ยนแปลง
                   ได้อย่างเหมาะสม  การพัฒนาประเทศที่ไม่สมดุลนี้ ได้ท าให้ชุมชนในชนบทบางแห่งอยู่ในสภาพที่
                   เกือบล่มสลาย โดยเห็นได้จากสภาพการณ์ที่ปรากฎ ทั้งความยากจนของคนชนบท  การสูญเสียและ

                   เสื่อมโทรมของธรรมชาติและสภาพแวดล้อมในชนบท การสูญเสียพลังคนหนุ่มสาวให้กับภาคสังคม
                   เมือง  ความผูกพัน เอื้ออาทร ร่วมแรงร่วมใจของคนในชนบทเสื่อมลง การครอบง าของกลไกรัฐที่บั่น
                   ทอนศักยภาพของชุมชน (บุญนาค ตีวกุล, 2543)    จนกระทั่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตั้งแต่

                   ฉบับที่ 8  จนถึงแผนที่ 12  ได้มีการเปลี่ยนแนวคิดการพัฒนาที่เน้นเศรษฐกิจมาเป็นการพัฒนาที่เน้น
                   คนเป็นศูนย์กลาง เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน และสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ
                   สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยความเสมอภาค
                   เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยน แปลงโดยอาศัยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง และประชาสังคม
                   เป็นยุทธศาสตร์ในการเปลี่ยนแปลง

                          ค าว่า “การพัฒนา”  จากการด าเนินโครงการตามแนวนโยบายของรัฐ หลายคนก็อาจนึกถึง
                   ความหมายในแง่บวก ซึ่งมาจากจินตนาการเชิงบวกถึงคุณภาพชีวิตเศรษฐกิจ และสังคมที่ดีขึ้น แต่
                   จากสถิติ และข้อมูลจ านวนมากก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างสิ้น เชิงว่า อีกด้านหนึ่งของ “การพัฒนา”

                   ก็น ามาซึ่ง “ความไม่เท่าเทียม”  และก่อให้เกิด “ความขัดแย้ง”  ไปทั่วประเทศ  ดังเช่นกรณีความ
                   ขัดแย้งที่เกิดขี้นในภาคกลางของประเทศไทย ได้แก่ การจัดผังเมืองพื้นที่ต าบลเกวียนหัก อ าเภอขลุง
                   เป็นพื้นที่สีชมพู การคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ในหลายพื้นที่ทั้ง ต.นครเนื่องเขต ต. เขาหิน
                   ซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ท่าเสน จ.เพชรบุรี ปัญหาการตั้งเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์


                                                            1
   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13